เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2024 ที่ผ่านมา WienerAI ($WAI) เหรียญมีมใหม่มาแรง ราคาในช่วง Presale ทะลุ 5.5 ล้านดอลลาร์
หลังจากที่ยอด Presale แตะ 3.5 ล้านดอลลาร์แล้ว ยอดอีก 2 ล้านดอลลาร์ก็ตามมาติด ๆ ในเวลาเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ สร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมากแก่ชุมชนคริปโต
WienerAI สร้างประสบการณ์สุดล้ำในการเทรดให้แก่เหล่านักลงทุน ด้วยการนำเอา AI (ปัญญาประดิษฐ์) มาทำงานร่วมกับเทคโนโลยี บล็อกเชน
นอกจากนั้น เจ้ามาสคอตหมาไส้กรอก (ดัคส์ฮุนท์) ก็เป็นอีกส่วนผสมที่ลงตัว และแปลกใหม่ของเหรียญมีมมาแรงตัวนี้ ที่มาพร้อมความน่ารักและความทะเล้น
โดยในขณะนี้ ราคา WienerAI ($WAI) ต่อโทเค็นอยู่ที่ 0.000717 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ราคา WienerAI ($WAI) จะเพิ่มเป็น 0.000718 ดอลลาร์ ในเฟสถัดไปของการ Presale
ดังนั้นนักลงทุนที่ซื้อ $WAI มาเก็บไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงมีโอกาสทำกำไรสูง หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
คำถามคือ แล้ว $WAI จะได้รับความนิยมแบบเดียวกับ TURBO หรือไม่
กล่าวคือ หากคุณซื้อ $TURBO ด้วยงบ 500 ดอลลาร์ ณ ตอนนั้น ปัจจุบันคุณจะมีเงินมากถึง 102,905 ดอลลาร์
และเหรียญมีมที่น่าจับตามองอย่าง $WAI ก็ได้ผ่านจุดที่เรียกเสียงฮือฮาแบบเดียวกันมาแล้ว เป็นไปได้ว่า นักลงทุนที่ลงทุนใน $WAI อาจทำกำไรได้แบบเดียวกันหรือมากกว่า $TURBO
WienerAI ใช้ประโยชน์จากตลาด AI และบล็อกเชนที่กำลังมาแรง
ภายในปี 2029 (พ.ศ. 2572) วงการ AI ตั้งเป้าว่า มูลค่าอุตสาหกรรม จะทะยานสู่ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมประกาศถึงความเป็นไปได้ และโอกาสใหม่ ๆ ในภาคส่วนต่าง ๆ โดยให้คำมั่นว่า จะปรับปรุงประสิทธิภาพและความแม่นยำ
โดยภาคส่วนหนึ่งที่ AI แทรกซึมเข้าไปก็คือ คริปโต ซึ่งมีเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับบล็อกเชน ที่ช่วยปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ในด้านบริการทางการเงิน เชนอุปทาน บริการสุขภาพ และอีกมากมาย
โปรเจกต์คริปโต AI อย่าง Bittensor (TAO) ได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการแบ่งปันความรู้อย่างรวดเร็ว ระหว่างระบบ AI ด้วยกัน ในขณะที่ Fetch.ai (FET) ดำเนินธุรกิจโดยอัตโนมัติ ผ่านระบบออโต้บนบล็อกเชน
โปรเจกต์เหล่านี้ประสบความสำเร็จ โดยในปี 2020 (พ.ศ. 2563) เป็นปีที่ Fetch.ai (FET) มีมูลค่าต่ำที่สุด แต่มูลค่าก็พุ่งกลับขึ้นไป 19,702% สู่มูลค่าปัจจุบันที่ 1.62 ดอลลาร์ ในขณะเดียวกัน Bittensor (TAO) ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้น จากช่วงที่ราคาตกต่ำต่อเนื่อง 12 เดือน โดยมูลค่าเพิ่มขึ้นมาถึง 995% สู่ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 334.60 ดอลลาร์
โดยรวมแล้ว โทเค็น AI สามารถสร้างกำไร ได้มากกว่าบิตคอยน์ (BTC)ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2024 และหลังจากนั้นก็มีเหรียญมีม AI อื่น ๆ ตามมา โดยได้รวมเอาความสนุกของโทเค็นนั้น ๆ เข้ากับฟังก์ชันของ AI
ตัวอย่างเช่น CorgiAI (CORGIAI) โปรเจกต์ที่นำเอามาสคอตหมาคอร์กี้สุดน่ารัก มานำเสนอร่วมกับ NFT ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และบอร์ดงาน AI เป็นผู้นำ ของมูลค่าตลาดเหรียญมีม AI ด้วยมูลค่า 475 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเคยมีมูลค่าต่ำในช่วงเดือนกันยายน 2023 (พ.ศ. 2566) แต่ก็สามารถพลิกกลับขึ้นมาทำกำไรได้ 3,046% อยู่ที่ 0.001385 ดอลลาร์ในปัจจุบัน
$TURBO ก็เป็นอีกตัวอย่างที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ ผ่านมาสคอตคางคกแห่งโลกอนาคต มาใช้ร่วมกับ AI โดยในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน $TURBO สามารถทำกำไรได้ถึง 7,973% ด้วยราคาซื้อขายอยู่ที่ 0.005187 ดอลลาร์ต่อโทเค็น และมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 363 ล้านดอลลาร์
การที่เหรียญมีม AI กลายเป็นกลุ่มย่อยที่กำลังเติบโตในอุตสาหกรรมคริปโต ด้วยมูลค่าตลาดกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เป็นการชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มว่า เหรียญมีมมาแรงสุดล้ำอย่าง WienerAI จะมาสามารถเกาะเทรนด์และทำกำไรได้
WienerAI เตรียมเปิดตัว บอทการซื้อขาย : ChatGPT แห่งการเทรดคริปโต
บอทซื้อขายที่กำลังจะเปิดตัวของ WienerAI มีการทำงานคล้ายกับแชทบอทมาตรฐาน เพียงแต่ แทนที่จะตอบกลับด้วย “โฮ่ง” หรือ “เหมียว” จะแทนที่ด้วย การเทรดที่สำเร็จ
ผู้ใช้งาน สามารถพิมพ์คำถามเกี่ยวกับการเทรด และระบบจะใช้เทคโนโลยีคาดการณ์เพื่อสแกนตลาด และหาโอกาสในการซื้อขายที่มั่นคง
หลังจากระบบทำการเลือกแล้ว จะแสดงผลการวิเคราะห์พร้อมเหตุผล รวมไปถึงระบุว่า จะสามารถหาซื้อโทเค็นในราคาที่ถูกที่สุดได้จากไหน ในบรรดาเว็บเทรดคริปโตแบบ DEXs
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้งานยังสามารถเทรดได้โดยตรงกับแชท หรือแม้แต่ติดตามตำแหน่งทั้งหมด ทำให้การเทรดของผู้ใช้งานทุกรายเป็นไปอย่างง่ายดายและราบรื่น
ล่าสุด โปรเจกต์ได้นำเสนอตัวอย่างคร่าว ๆ ให้เห็นว่า อินเทอร์เฟซจะมีลักษณะอย่างไรผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ดังรูปต่อไปนี้
การเทรดคริปโต AI เป็นตลาดที่เฟื่องฟูในตัวเอง
WienerAI จัดอยู่ในระดับแนวหน้าของการปฏิวัติการเทรดคริปโต ซึ่งการผสมรวมของ AI ได้มอบความรวดเร็ว และแม่นยำในการคว้าโอกาสทางการตลาด
อย่างที่ทราบกันดีว่า การเทรดด้วยตัวเองทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะประสบความสำเร็จ เพราะต้องเผชิญกับความผันผวน และความซับซ้อนของตลาดคริปโตอยู่เสมอ
บอทเทรดคริปโตกำลังได้รับความนิยม เนื่องจากผลลัพธ์ในการตัดสินใจ อ้างอิงมาจากฐานข้อมูล และมีโมเดลการเรียนรู้ ผู้เชี่ยวชาญจึงได้พึ่งพาบอทมากขึ้น เพื่อให้การเทรดเป็นไปอย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพ
ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ตลาดที่กำลังขยายตัวนี้ จะทะยานขึ้นสู่ระดับ 145.27 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2029 (พ.ศ. 2572) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในเครื่องมือการเทรดที่ขับเคลื่อนด้วย AI
เมื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการ บอทเทรดคริปโตของ WienerAI จะนำเอาความสามารถเหล่านี้มาใช้ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่ม ROI (การวัดผลจากการลงทุน) ได้สูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“Wiener” สู่เวทีเหรียญมีม AI – รางวัลการ staking ให้ APY 213%
ในช่วง Presale โทเค็น $WAI ราว 1.38 หมื่นล้านดอลลาร์ ถูกปล่อยมาให้นักลงทุนได้เข้าจับจอง โดยคิดเป็นจำนวน 20% ของอุปทานรวม 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับนักลงทุนรายแรก ๆ
โดย SOLIDProof ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เพื่อช่วยคลายความกังวล ในความสมบูรณ์ของสัญญา smart contract ในโปรเจกต์ดังกล่าว
โทเค็นอีก 20% ถูกจัดสรรไว้สำหรับการ staking โดยมอบ APY ให้ถึง 213% สำหรับผู้เข้าร่วม นับว่าเป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนที่ถือครองรายใหม่ จะได้รับรายได้แบบแพสซีฟทันทีหลังการซื้อ
จึงไม่น่าแปลกใจที่ยูทูปเบอร์ชื่อดัง อย่าง ClayBro ซึ่งมียอดผู้ติดตามกว่า 130,000 คน จะคาดการณ์ว่า ราคาของ $WAI อาจพุ่งได้ถึง 10 เท่า
การซื้อเหรียญมีมยอดนิยมในช่วง Presale นั้นง่ายนิดเดียว เพียงแค่เชื่อมต่อคริปโตวอลเล็ทเข้ากับ เว็บไซต์ WienerAI และซื้อด้วย ETH, USDT, BNB หรือบัตรธนาคารใด ๆ
WienerAI กำลังเขย่าวงการคริปโต ด้วยการระดม “กองทัพหมาไส้กรอก” เพื่อให้การซื้อขายง่ายขึ้น ทั้งสำหรับผู้เชี่ยวชาญและสำหรับมือใหม่
อย่าพลาดที่จะสะสมโทเค็น $WAI ก่อนที่ โทเค็น $WAI จะเป็นที่นิยมในตลาด AI และวงการเหรียญมีมไปมากกว่านี้
อย่าพลาด! ติดตามข่าวสาร และความเคลื่อนไหวของโปรเจกต์ได้ ผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X และ Telegram
นักลงทุนสามารถไปยังเว็บไซต์ เพื่อเข้าร่วมการ Presale ของ WienerAI ได้ตอนนี้
บทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์เหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่เท่านั้น ทางผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด คริปโทเคอร์เรนซี และ โทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์