<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

8 กฎเหล็กที่นักลงทุนคริปโตมือใหม่ควรรู้ก่อนเริ่มเทรด

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ด้วยการที่ปัจจุบันคริปโตเคอร์เรนซีกำลังกลายเป็นถูกจับตามอง จากทั้งจากภายในและภายนอกอุตสาหกรรม ส่งผลให้ได้มีนักเทรดหน้าใหม่เข้ามามากมายไม่ว่าจะทำการเทรดโดยตรง หรือทำการซื้อขายผ่านทางกองทุน ETF ทว่าการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีนั้นยังคงมีความเสี่ยงที่สูง เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ตัวอื่น ๆ ทำให้นักลงทุนอาจสูญเสียเงินทั้งจำนวนได้หากไม่ได้ศึกษาให้รอบคอบเพียงพอ 

ดังนั้นในบทความนี้ทางสยามบล็อกเชนจะมาแนะนำนักลงทุนทุกท่านไม่ว่าจะเป็นหน้าใหม่ หรือหน้าเก่า ไปกับ “8 กฎเหล็ก ในการเทรดคริปโตเคอร์เรนซี” เพื่อที่นักลงทุนจะสามารถเข้ามาอยู่ในตลาดนี้ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

1. เรียนรู้เกี่ยวกับโปรเจกต์

อย่างแรกเลยที่นักเทรดควรให้ความสำคัญและไม่มองข้ามคือการศึกษาให้เข้าใจในพื้นฐานของโปรเจกต์นั้น ๆ รวมถึงเทคโนโลยีบล็อกเชน ก่อนที่จะรีบร้อนกระโจนเข้าไปเริ่มเทรดในทันที เมื่อเข้าใจในพื้นฐานแล้วขั้นต่อมานักเทรดควรจะศึกษาต่อในเรื่องของ Bitcoin ว่ามันมีความพิเศษอย่างไรทำไม่ถึงแตกต่างจากโปรเจกต์คริปโตตัวอื่น ๆ และได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งคริปโตเคอร์เรนซี”

2. เริ่มต้นจาก Bitcoin

ในการเริ่มต้นเทรดคริปโตเคอร์เรนซี Bitcoin นั้นดูเหมือนจะดูเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเนื่องจากมันมีมูลค่าตลาดที่ใหญ่ที่สุด และมีประวัติยาวนานที่สุด ทำให้ความเป็นไปได้ที่โปรเจกต์จะล้มนั้นมีต่ำมาก ๆ เมื่อเทียบกับเหรียญสกุลอื่นที่เสี่ยงกว่า เช่น Memecoin ดังนั้นมือใหม่ควรจะใช้มันเป็นจุดเริ่มต้นก่อนที่จะขยับขยายไปซื้อขายเหรียญอื่น ๆ ในภายหลัง

ทางด้านการซื้อขายนักเทรดอาจจะเริ่มต้นจากการซื้อบนเว็บเทรดที่น่าเชื่อถือภายในประเทศตนเองก่อนที่จะไปซื้อขายในกระดานระดับนานาชาติ ส่วนกลยุทธ์ในการเทรดอาจเป็นการเก็บออมซื้อแล้วถือไปก่อนก็ไม่เสียหาย หากความรู้ความชำนาญยังไม่มากพอ

อย่างไรก็ตามนักเทรดไม่จำเป็นต้องซื้อขายแต่ Bitcoin อย่างเดียวเท่านั้น เพียงแต่ทางที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงจากการลงทุนคือการแบ่งส่วน Bitcoin ให้เป็นสินทรัพย์หลักในพอร์ต ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วในการเริ่มต้น

ทั้งนี้นักเทรดควรท่องจำคติให้ดีว่า “อย่าโลภจนเกินตัว” โอกาสหน้ายังมีอยู่เสมอ มิฉะนั้นคุณอาจจะเสียเงินไปโดยไม่รู้ตัว

3. นำเงินออกมาบ้าง

ในวงการคริปโตจะมีคำพูดหนึ่งถูกพูดกันเสมอ ๆ ว่า “กำไรที่ได้ในจอจะไม่ใช่กำไรจริง ๆ จนกว่าคุณจะได้เงิน” สิ่งนี้คือการย้ำเตือนว่าแม้ราคาเหรียญที่ซื้อเอาไว้จะสามารถทำกำไรได้มาก แต่ถ้าหากเราไม่ขายมันออกไป แล้วแลกเงินมาเป็นเงินจริงที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการปล่อยเงินไว้เฉย ๆ ดังนั้นนักเทรดไม่จำเป็นที่จะต้องไปรอให้ราคาขึ้นสู่จุดสูงสุดก่อนแล้วค่อยขาย แต่ตั้งระดับราคาที่สนใจเอาไว้และเมื่อถึงให้ขายออกเพื่อนำกำไรที่ได้ไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือต่อทุน 

4. รู้จักกราฟ ชีวิตสบาย

กฎข้อถัดมาที่นักลงทุนคริปโตควรที่จะต้องทำตามคือศึกษาเรื่องการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค ที่อย่างน้อย ๆ หากเราเข้าใจในแพทเทิร์น หรือคำศัพท์ต่าง ๆ สิ่งนั้นจะช่วยให้การตัดสินใจในการเลือกลงทุนนั้นสบายขึ้นอีกมาก ทั้งนี้นักลงทุนไม่จำเป็นที่จะต้องสามารถอ่านกราฟได้ทุกแบบ หรือดูอินดิเคเตอร์เป็นทุกตัว ขอแค่เรียนรู้พื้นฐานที่จำเป็นก็เพียงพอแล้ว

5. ซื้อมาได้ เก็บให้เป็น

อีกหนึ่งคำศัพท์ที่นักลงทุนคริปโตได้ยินกันบ่อย ๆ คือคำว่า “Not your key not your coin” ประโยคดังกล่าวหมายความว่าคุณจะไม่มีทางเป็นเจ้าของคริปโตจริง ๆ จนกว่าคุณจะนำมันมาเก็บด้วยตัวเอง 

จริงอยู่ที่ว่าเว็บเทรดหลายแห่งนั้นมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยสูง แต่เราก็ยังไม่สามารถไว้วางใจได้ 100% เพราะเหรียญต่าง ๆ นั้นถูกจัดเก็บโดยพวกเขา ตัวเลขทั้งหมดที่ขึ้นในบัญชีของคุณเป็นเพียงแค่ข้อมูลชุดหนึ่งของแพลตฟอร์มเท่านั้น คุณไม่ได้มีสินทรัพย์ใด ๆ เลยจริง ๆ ดังนั้นนักเทรดควรที่จะจัดเก็บคริปโตของตัวเองให้เป็น

โดยวิธีที่สามารถทำได้คือการส่งเข้ากระเป๋าของตัวเอง ซึ่งจะมีแบบออนไลน์ (Hot wallet) เช่น Metamask ที่ใช้งานได้สะดวกแต่มีความเสี่ยงสูงกว่า และแบบออฟไลน์ (Cold wallet) ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าแต่ขั้นตอนยุ่งยากกว่า เพราะฉะนั้นนักเทรดต้องตัดสินใจเองว่าตนเองเหมาะสมกับการจัดเก็บในรูปแบบใด

6. อย่าละเลยพื้นฐานการใช้คอมพิวเตอร์/โทรศัพท์

บ่อยครั้งเราจะเห็นได้ว่าแม้นักเทรดจะศึกษาข้อมูลด้านบล็อกเชน,คริปโตมามากแล้วแต่ก็ยังตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องความโลภแล้วอีกปัจจัยหนึ่งที่หลายคนไม่ได้ฉุกคิดคือพื้นฐานการใช้งานคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต เช่นการตั้งรหัสให้ซับซ้อนเจาะได้ยาก , การไม่ลงโปรแกรมมั่ว ๆ ลงในเครื่อง หรือการจดข้อความที่สำคัญลงในสิ่งที่ตามได้ง่าย เช่นไฟล์เอกสาร , โซเชียลมีเดีย เป็นต้น

7. ต้นน้ำมักอันตราย !

เป็นความจริงที่ว่าหากเราสามารถลงทุนในเหรียญที่ยังไม่เป็นที่รู้จักได้ก่อน ผลตอบแทนที่ได้มักจะทวีคูณมากขึ้นตาม แต่ไม่ใช่ทุกโปรเจกต์จะถูกทำขึ้นมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะยังมีโปรเจกต์อีกจำนวนมากที่ถูกทำขึ้นมาเพื่อ “โกง” โดยเฉพาะเช่นเหรียญมีมบนเชน Solana ดังนั้นหากไปเจอเข้ากับโปรเจกต์ที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นผ่านทางการพรีเซล , ICO หรือ เจอใน DEX ก็ขอให้นักเทรดเตรียมใจให้ดีว่ามีโอกาสที่เงินเหล่านั้นจะไม่กลับมาก็เป็นได้ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้คือการเทรดเหรียญที่ได้รับความนิยมแล้ว แต่ถ้าหากอยากเป็นต้นน้ำจริง ๆ ให้ลองศึกษาข้อมูลจากเอกสาร Whitepaper ของโปรเจกต์นั้น ๆ ว่าเขียนออกมาได้ดีขนาดไหน หากเขียนอธิบายออกมาได้ไม่ดี หรือไม่มีเอกสารก็ขอให้ตีความได้เลยว่าโปรเจกต์ดังกล่าวถูกทำขึ้นมาเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น

8. อย่าล้อเล่นกับอนาคต

กฎข้อสุดท้ายที่นักเทรดควรระวังคือการนำตัวเองเข้าไปอยู่ในตลาดการซื้อขาย Futures เพราะตลาดแห่งนี้ไม่เหมือนกับการซื้อมาขายไปแบบ Spot ที่อย่างมากนักเทรดก็แค่ติดดอยไม่สามารถลงได้ แต่ในกรณีของ Futures นั้นนักเทรดมีสิทธิที่จะถูกล้างเงินทั้งพอร์ตเลยก็ได้ หาก Position ที่เปิดนั้นไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้นนักเทรดไม่ควรที่จะเลือกเสี่ยงเดิมพันมาก ๆ แบบ 100X เพื่อให้ได้ผลตอบแทนเยอะ ๆ หากไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะอ่านตลาดได้ รวมถึงให้รีบปล่อยขาย Stop loss เมื่อมันพุ่งไปเกินกว่า 10% เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนหนัก

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้