เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา ค่าธรรมเนียมธุรกรรมเฉลี่ยของ Bitcoin ได้ร่วงลงมาแตะจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี หลังร่วงลงไปแตะ 38.69 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เห็นครั้งสุดท้ายในช่วงการระบาดของ COVID-19 ในปี 2020
โดยค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมในแต่ละวันของ Bitcoin นั้นเป็นค่าที่ถูกกำหนดจากรายได้ของนักขุดและจำนวนธุรกรรมทั้งหมดที่ดำเนินการ ซึ่งการที่ต้นทุนธุรกรรมลดลงนั้น อาจเกิดมาจากปัจจัยสำคัญสองประการคือ ความต้องการพื้นที่บล็อกที่ลดลง และปริมาณข้อมูล
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลของ Ycharts BTC ในวันเดียวกันก็ได้ออกมาชี้ว่าจากปริมาณธุรกรรม 673,752 รายการผ่านเครือข่าย Bitcoin ทั้งหมด นักขุดได้กำไรไปเพียงแค่ 1.14% เท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนแบ่งเฉลี่ยในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา
แต่แม้จะมีต้นทุนธุรกรรมโดยเฉลี่ยจะยังคงต่ำ แต่ผู้ขุดก็ยังได้รับประโยชน์จากความยากของเครือข่ายที่ลดลง ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถประมวลผลธุรกรรมโดยใช้พลังการประมวลผลที่น้อยกว่าเมื่อเทียบช่วงก่อน Halving
ซึ่งจากการวิเคราะห์ของ CryptoQuant ระบุว่าในตอนนี้นักขุด Bitcoin กำลังแสดงสัญญาณของการ “ยอมจำนน” เนื่องจากกำไรที่ลดลงในช่วงหลังเหตุการณ์ Halving และราคา BTC ลดลงเกือบ 50,000 ดอลลาร์
โดยการยอมจำนนของนักขุดที่กำลังเกิดขึ้น คือกระบวนการลดต้นทุนการดำเนินงานหรือขายรายได้ส่วนหนึ่งจากการขุด Bitcoin เพื่อให้ดำเนินต่อไปได้ในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอน ซึ่งเห็นได้ชัดจากอัตราแฮชของ Bitcoin ที่กำลังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
“การยอมแพ้ของนักขุด Bitcoin สะท้อนถึงระดับของเดือนธันวาคม 2022 โดยมีอัตราแฮชลดลง 7.7% ซึ่งคล้ายกับเงื่อนไขหลังการล่มสลายของ FTX ซึ่งมักจะเป็นสัญญาณว่าตลาดได้ร่วงลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว”
ที่มา: Cointelegraph