<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักวิเคราะห์เตือน! ราคา Bitcoin อาจร่วงลงไป 60,000 ดอลลาร์อีกครั้ง ก่อนที่จะเติบโตในระยะยาว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ดูเหมือนว่าในขณะนี้ Bitcoin จะกลับมามีแนวโน้มเป็นขาลงอีกครั้ง หลังราคาเหรียญไม่สามารถยืนเหนือ 70,000 ดอลลาร์ได้ ส่งผลให้ราคาร่วงลงเกือบ 6% ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่จะรักษาระดับอยู่ที่ประมาณ 66,000 ดอลลาร์อีกครั้ง

ตามรายงานของ Cointelegraph การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการที่รัฐบาลสหรัฐฯ โอน BTC มูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ออกจาก Wallet ของพวกเขา ซึ่งเป็นการสวนทางกับเป้าหมายของ Donald Trump ที่ต้องการใช้ Bitcoi เป็นสินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์

ซึ่ง William Clemente ผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัทวิจัยด้านคริปโต Reflexivity ได้ออกมาชี้ว่าการเคลื่อนไหวของรัฐบาลสหรัฐฯ ในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

“รัฐบาลสหรัฐฯ เคลื่อนย้าย BTC มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ที่ยึดได้ 2 วันหลังจากทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ฮ่าๆ”

ซึ่งจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น Keith Alan ผู้ร่วมก่อตั้งของ Material Indicators ก็ได้ออกมาชี้ว่า Bitcoin จะขึ้นหรือจะลงนั้น ขึ้นอยู่กับว่าราคาเหรียญสามารถยืนเหนือ ATH เก่าที่ 69,000 ดอลลาร์ได้หรือไม่ ก่อนที่จะพุ่งไปทำ ATH ใหม่อีกครั้ง

“นั่นคือ HH ที่ฝ่ายซื้อจำเป็นต้องเอาออกก่อนที่ BTC จะอยู่ในตำแหน่งที่จะไล่ตาม ATH และผมคิดว่ามันจะมาในที่สุด แต่ผมยืนยันว่าเราจะไม่เห็นการเคลื่อนไหวที่ยั่งยืนไปสู่ ATH ใหม่จนกว่าเราจะตรวจสอบและ R/S Flip ที่ 69,000 ดอลลาร์”

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ Roman กลับเชื่อว่าราคา Bitcoin ในระยะสั้นจะร่วงลงไปแตะที่ 60,000 ดอลลาร์อีกครั้ง เนื่องจากราคาเหรียญจำเป็นต้องล้าง Short จำนวนมากทิ้งก่อนเพื่อที่จะพุ่งขึ้นในระยะยาวได้

“ตั้งเป้าราคาไว้ที่ 64,000 และ 60,000 ตามลำดับ ในตอนนี้ราคากำลังแสดง Bear divs และมีโอกาสที่ค่า DT จะกลับตัว ฉันเดิมพันว่าตลาดมีอารมณ์แนวโน้มขาลงอย่างมากที่ระดับเหล่านี้ ก่อนที่เราจะส่งราคาขึ้นอีกครั้ง”

สิ่งที่น่าสนใจคือรายงานวิเคราะห์จาก CryptoQuant ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตว่านักลงทุนมีแนวโน้มที่จะถอน Bitcoin ออกจากกระดานเทรดมากขึ้น หลังจำนวน Bitcoin เฉลี่ยต่อธุรกรรมการถอนเงินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

“แม้ว่า Bitcoin จะเข้าสู่พื้นที่ผันผวนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ก็ตาม … แต่ไหลออกของ Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นสัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการเพิ่มขึ้นของราคา และสร้างความผันผวนให้กับตลาดในอนาคต”

ที่มา: Cointelegraph