การลงทุนในยุคนี้มีทางเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ หุ้น หรือทองคำ แต่เมื่อพูดถึง Art Toy และ NFT หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคยหรือไม่แน่ใจว่าเป็นการลงทุนที่น่าสนใจหรือไม่ จริงๆ แล้ว Art Toy และ NFT ไม่ได้เป็นแค่ของเล่นหรือภาพดิจิทัล แต่เป็นสินทรัพย์ที่สามารถทำกำไรได้ วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับโอกาสและความเสี่ยงของการลงทุนในสองสิ่งนี้กันดีกว่า
Art Toy: ของเล่นที่มีมูลค่ามากกว่าแค่ความสนุก
Art Toy อย่าง LaBubu Baby Cry เป็นตัวอย่างที่ดีของของสะสมที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ด้วยการออกแบบที่น่ารักและเป็นเอกลักษณ์ทำให้ LaBubu กลายเป็นที่ต้องการในหมู่นักสะสมทั่วโลก ยิ่งถ้ารุ่นนั้นๆ มีการผลิตจำนวนจำกัด ราคายิ่งพุ่งขึ้นไปอีก ตัวอย่างเช่น LaBubu Baby Cry รุ่นพิเศษที่ผลิตเพียงไม่กี่ชิ้น ราคาขึ้นไปถึงหลักหมื่นหรือหลักแสนบาทได้ไม่ยาก
ยกตัวอย่าง POP MART ที่เป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์จากจีน ที่เน้นขาย Art Toy โดยเฉพาะ ตัวการ์ตูนที่โดดเด่นและเป็นที่นิยม เช่น Molly, Dimoo และ SKULLPANDA กลายเป็นที่ต้องการอย่างมาก ด้วยการผลิตจำนวนจำกัด และการออกแบบที่น่ารักทำให้ราคาของ Art Toy เหล่านี้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น ตัว Molly ที่เป็นตัวการ์ตูนสาวน้อยปากคว่ำเหมือนเป็ด ที่มีราคาพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากความหายากและความต้องการที่สูง
นอกจากนี้ Art Toy ยังมีความพิเศษที่มากกว่าแค่ของสะสม เพราะมันเป็นงานศิลปะที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและแนวคิดของศิลปินแต่ละคน การที่มีตัว Secret หรือรุ่นพิเศษที่หายากทำให้มีความตื่นเต้นในการสะสมและการเก็งกำไรเพิ่มขึ้น
แต่ก็อย่าลืมนะครับว่าความเสี่ยงก็มีอยู่มากเหมือนกัน ตลาดของ Art Toy อาจผันผวนตามความนิยมและเทรนด์ของนักสะสม บางครั้งการลงทุนในของเล่นที่ดูน่ารักๆ อาจต้องถือไว้นานกว่าที่เราคิด การประเมินมูลค่าในตลาดนี้ก็ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ไม่น้อย นอกจากนี้ การที่ Art Toy มักมาในรูปแบบกล่องสุ่ม ทำให้ต้องใช้เงินมากขึ้นในการสะสมให้ครบชุดหรือหาตัว Secret ที่หายากและมีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถขายได้ตามราคาที่ต้องการ
NFT: ศิลปะดิจิทัลที่เปิดโลกใหม่
เมื่อพูดถึง NFT คงไม่มีใครไม่รู้จัก Bored Apes ซึ่งเป็นหนึ่งใน NFT ที่ฮอตที่สุดตอนนี้ Bored Apes เป็นภาพลิงที่มีลักษณะต่างๆ และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทุกภาพมีการบันทึกและยืนยันความเป็นเจ้าของผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้การลงทุนใน Bored Apes มีความปลอดภัยและสามารถตรวจสอบได้ง่าย ราคาของ Bored Apes บางภาพพุ่งสูงถึงหลักล้านดอลลาร์ และยังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
NFT เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถสร้างรายได้โดยตรงให้กับศิลปิน และยังเป็นช่องทางใหม่ในการทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น การขายที่ดินในเกม การให้สิทธิ์ในการเข้าถึงเนื้อหาพิเศษ หรือการเก็บคอลเล็กชันดิจิทัลอื่นๆ
อีกตัวอย่างหนึ่งของ NFT ที่ทำรายได้มหาศาลคือ The First 5000 Days ของศิลปิน Beeple ที่ขายได้กว่า 69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.17 พันล้านบาท เป็นการพิสูจน์ว่าสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถมีมูลค่าสูงได้ไม่น้อยกว่าสินทรัพย์ในโลกแห่งความจริง
อย่างไรก็ตาม ตลาด NFT ก็มีความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน ราคาของ NFT อย่าง Bored Apes อาจขึ้นลงภายในเวลาอันสั้น การขาดการควบคุมในตลาดนี้ทำให้มีโอกาสถูกโกงหรือการซื้อขายที่ไม่โปร่งใส การซื้อ NFT ที่ไม่เป็นของแท้หรือถูกคัดลอกผลงานก็เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ต้องระวัง
นอกจากนี้ ตลาด NFT ยังมีความผันผวนสูงและประสบปัญหาตลาดขาลงในบางช่วงเวลา เมื่อราคาของ NFT ที่เคยพุ่งสูงในช่วงแรก กลับมาลดลงอย่างรวดเร็ว สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนที่เข้าซื้อในช่วงราคาสูง ตัวอย่างเช่น ตลาด NFT ที่เคยได้รับความนิยมอย่างสูงในปี 2021 มีราคาลดลงอย่างมากในปี 2022 ทำให้นักลงทุนหลายคนต้องประสบปัญหาขาดทุน
การลงทุนใน NFT ยังมีความเสี่ยงจากการที่ตลาดยังใหม่และขาดการควบคุมอย่างเข้มงวด การที่ราคาของ NFT อาจผันผวนอย่างมากในเวลาอันสั้นทำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังในการตัดสินใจ
ปรากฎการณ์ราคาพุ่ง
การลงทุนใน Art Toy และ NFT มักจะมีปรากฎการณ์ราคาพุ่งเนื่องจากความหายากและความต้องการสูง ตัวอย่างเช่น Art Toy รุ่นพิเศษหรือ Limited Edition ที่มีจำนวนจำกัด มักจะมีราคาพุ่งสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เช่นเดียวกับ NFT ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และมีศิลปินชื่อดังเป็นผู้สร้าง สามารถขายได้ในราคาสูงกว่าที่เคยมีการประมูลมาก่อน
การที่ Art Toy หรือ NFT มีราคาพุ่งสูงขึ้นนั้น มาจากการที่นักสะสมและนักลงทุนมีความต้องการสูงและมีความเชื่อมั่นในมูลค่าของสินทรัพย์นั้นๆ ทำให้เกิดการซื้อขายในราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ เหล่าคนดังยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยปั่นราคา ทำให้เกิดปรากฎการณ์ราคาพุ่ง ยกตัวอย่างเช่นอาร์ตทอย (Art Toy) สัญชาติฮ่องกง “ลาบูบู้” หรือว่า LABUBU หนึ่งในคาแรคเตอร์จาก The Monsters ที่วางขายใน POP MART นอกจากกระแสอาร์ตทอยที่กำลังมาแรงในประเทศไทยที่ทำให้เจ้าปีศาจน้อยฟันแหลมได้รับความนิยมแล้ว อีกประเด็นหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะ “คนดัง” มากมายต่างพากันให้ความสนใจและเริ่มถ่ายภาพกับลาบูบู้ลงสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะเจ้าแม่สายแฟชันอย่าง “ชมพู่ อารยา” ที่เป็นหนึ่งในผู้นำเทรนด์สายสะสมอาร์ตทอยในยุคแรก ๆ
รวมไปถึงการที่เจ้าลาบูบู้อาจมีราคาพุ่งสูงขึ้นและหายากมากกว่าเดิม หลังแฟชั่นไอคอนระดับโลก “Lisa BLACKPINK” หรือ ลิซ่า เจ้าแม่ Sold Out โพสต์ภาพเธอเซลฟี่กับ “ลาบูบู้” แบบยกชุดลงในสตอรี่อินสตาแกรมส่วนตัวของเธอ ทำให้อาร์ตทอยตระกูลนี้กลายเป็นไวรัลไปทั่วโซเชียลมีเดีย
ในฝั่งของ NFT เองก็เคยมีข่าวการปั่นราคาตัวอย่างเช่น ยอดขาย CryptoPunks NFT ที่พุ่งขึ้น 1,200% หลังผู้พัฒนา Bored Ape Yacht Club เข้าซื้อกิจการในปี 2022 เมื่อ Yuga Labs ผู้พัฒนา Bored Ape Yacht Club ประกาศช็อกโลกว่า ได้เข้าซื้อกิจการ 2 NFTs โปรเจกต์ใหญ่ CryptoPunks และ Meebits ส่งผลให้ยอดการซื้อขาย CryptoPunks เพิ่มขึ้นสูงกว่า 1,200% ในวันเดียว
จุดผสมที่ลงตัวระหว่าง NFT และ Art Toy
ในยุคปัจจุบัน มีการผสมผสานระหว่าง Art Toy และ NFT เกิดขึ้น ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การสร้าง Art Toy ที่มีการบันทึกความเป็นเจ้าของผ่าน NFT ทำให้สามารถยืนยันความเป็นเจ้าของได้อย่างปลอดภัยและเพิ่มมูลค่าให้กับ Art Toy นั้นๆ
การผสมผสานระหว่าง NFT และ Art Toy ยังเปิดโอกาสให้ศิลปินสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีทั้งความสวยงามและมูลค่าทางการตลาด เพิ่มโอกาสในการทำกำไรและขยายตลาดไปยังกลุ่มนักสะสมและนักลงทุนดิจิทัล
กระแสความนิยมในอนาคต
Art Toy และ NFT มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากความต้องการของนักสะสมและนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการที่เทคโนโลยีบล็อกเชนและดิจิทัลอาร์ตมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การที่ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลและทำธุรกรรมทางการเงินได้ง่ายขึ้นทำให้ตลาดของ Art Toy และ NFT มีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็ว
ในอนาคต เราอาจได้เห็นการผสมผสานระหว่างศิลปะและเทคโนโลยีมากขึ้น ทำให้ Art Toy และ NFT กลายเป็นส่วนสำคัญของการลงทุนและการสะสม
เทรนด์ในยุคต่อไปของ Art Toy และ NFT
ในยุคต่อไป เทรนด์ของ Art Toy และ NFT อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามการพัฒนาของเทคโนโลยีและความต้องการของตลาด ตัวอย่างเช่น การใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) ในการสร้างและแสดงผล Art Toy และ NFT ทำให้นักสะสมสามารถเพลิดเพลินกับผลงานในรูปแบบที่สมจริงและมีความเป็นอินเทอร์แอคทีฟมากขึ้น
นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนและการสร้างสรรค์ NFT ในรูปแบบที่มีความเป็นอินเทอร์แอคทีฟมากขึ้น เช่น NFT ที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างหรือสีได้ตามการตั้งค่าของเจ้าของ หรือ NFT ที่มีการเชื่อมโยงกับโลกเสมือนจริง (Metaverse) ยังช่วยทำให้ผู้คนสามารถนำ NFT ของตนไปแสดงในพื้นที่เสมือนจริงและเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น
สำหรับ Art Toy เทรนด์ในอนาคตอาจเน้นที่การออกแบบที่มีความเฉพาะตัวและการสร้างสรรค์จากศิลปินที่มีชื่อเสียง รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตและการจัดแสดง เช่น การใช้เครื่องพิมพ์สามมิติ (3D Printing) ในการผลิต Art Toy ที่มีความละเอียดและความสวยงามสูง หรือการใช้แอปพลิเคชันในการแสดงผล Art Toy ในรูปแบบดิจิทัล
การผสมผสานระหว่าง Art Toy และ NFT ยังเปิดโอกาสให้ศิลปินและนักออกแบบสามารถสร้างรายได้จากผลงานของตนเองได้มากขึ้น โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางหรือต้องพึ่งพาการขายในตลาดแบบดั้งเดิม
สรุป
การลงทุนใน Art Toy อย่าง LaBubu Baby Cry และ NFT อย่าง Bored Apes เป็นการลงทุนในความฝันและความหลงใหล แต่ต้องระวังและศึกษาข้อมูลให้ดี ทั้งสองประเภทมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา
ถ้าจะเปรียบเทียบผลตอบแทน Art Toy อย่าง LaBubu Baby Cry ก็เหมือนการลงทุนในศิลปะที่จับต้องได้ ซึ่งต้องใช้เวลาในการเติบโตและสร้างมูลค่า ส่วน NFT อย่าง Bored Apes ก็เหมือนกับหุ้นเทคโนโลยีที่มีการเติบโตเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะกลายเป็นฟองสบู่ ไม่ว่าจะเป็น Art Toy หรือ NFT การลงทุนในสิ่งที่เรารักและเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ขอให้ทุกคนมีความสุขและสำเร็จในการลงทุนในความฝันของตัวเองครับ