Michael Saylor ได้เปรียบเทียบประสิทธิภาพผลประกอบการของ Microstrategy กับบริษัทที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา
Michael Saylor ได้โพสต์ภาพและข้อความลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ล่าสุด โดยแสดงให้เห็นว่า MicroStrategy บริษัทเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นด้านซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจของเขา ติดโผอยู่ในอันดับสูงสุด ด้วยกำไรจากผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมถึง 1,113% ส่วนบริษัท Nvidia อยู่ในอันดับที่สองด้วยกำไร 1,059%
เมื่อช่วงต้นปีนี้ หุ้นของ MicroStrategy (MSTR) ได้เข้าร่วมกลุ่มดัชนี MSCI World Index ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหุ้นระดับโลกที่ประกอบด้วยบริษัทขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม บริษัท MicroStrategy ยังไม่ถูกบรรจุอยู่ในดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาที่ประกอบด้วยบริษัทขนาดใหญ่ 500 แห่ง
ซึ่งหุ้นของบริษัทนี้แตกต่างจากกองทุนที่ลงทุนใน Bitcoin ETFs ตรงที่หุ้นของ MicroStrategy เหมือนกับการลงทุนใน Bitcoin แบบเลเวอเรจ
เนื่องจากบริษัท MicroStrategy ถือครอง Bitcoin เป็นจำนวนมาก หากราคา Bitcoin ขึ้น 10% ราคาหุ้นของบริษัทก็อาจจะขึ้นมากกว่า 10% (เหมือนกับการคูณผลตอบแทน) แต่ในทางกลับกัน ถ้าราคา Bitcoin ลง 10% ราคาหุ้นของบริษัทก็อาจจะลงมากกว่า 10% เช่นกัน
ซึ่งหมายความว่า การลงทุนในหุ้นของ MicroStrategy จะได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น หรือ ลดลงไปตามการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ด้วย
Michael Saylor ได้เขียนบรรยายในโพสต์ของเขาว่า “หากยึดหลัก #Bitcoin Standard เป็นเวลาสี่ปี คุณก็จะทำผลงานดีกว่าบริษัทอื่นๆ ใน S& P 500 ทั้งหมด”