เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2024 ที่ผ่านมา อาจารย์ตั๊ม หรืออาจารย์พิริยะ สัมพันธารักษ์ ได้มีโอกาสร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการ ทันโลกกับ Trader KP บน Youtube โดยได้ร่วมพูดคุยและแชร์มุมมองของตลาด Crypto โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคา Bitcoin ที่เคลื่อนไหวช้าแตกต่างจากสินทรัพย์อื่น และความสัมพันธ์ที่สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในขณะนี้ กับความเชื่อมโยงของราคา Bitcoin และ ทองคำ
เนื่องจากในช่วงนี้ราคาสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปจากในระดับปัจจุบัน ถือเป็นจุดต่ำที่สุดในรอบปีของดอลลาร์ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 102 ตามดัชนี dollar index ซึ่งจากประเด็น dollar ยังมีการคาดการณ์เรื่อง การลดดอกเบี้ยของ fed ที่น่าจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ ตามมุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน เพราะเริ่มเห็นสัญญาณของเศรษฐกิจอเมริกาที่อ่อนแอลง
และการที่สกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนแอลงก็มีผลต่อสินทรัพย์ทั่วโลก ทั้งทองคำ, หุ้น, Bitcoin ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปทะลุ 2540 ดอลลาร์ แล้วก็ราคาหุ้นก็พุ่งขึ้นเช่นเดียวกัน หลังจากที่ราคาร่วงหนักในช่วง Black monday เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม แต่การเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ค่อนข้างช้า จากราคา Bitcoin ที่ร่วงไปในช่วง Black monday ถือว่าต้องใช้เวลานานเหมือนกัน
ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นมาจากราคาในระดับ 59,000 ดอลลาร์ซักพักใหญ่ แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหว กลับถือว่าช้ากว่าสินทรัพย์อื่น ๆ
อาจารย์ตั๊ม หรืออาจารย์พิริยะ สัมพันธารักษ์ ได้เปิดเผยมุมมองถึงเรื่อง อุปสรรคที่ทำให้ราคา Bitcoin ไม่ค่อยพุ่งขึ้น ทั้งที่สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่า ควรส่งผลดีในเชิงบวกต่อ Bitcoin รวมถึงก่อนหน้านี้ยังมีเหตุการณ์ Bitcoin halving , กองทุน Bitcoin ETF ที่เข้ามาเป็นตัวช่วยผลักดันให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นได้ แต่เกิดอะไรขึ้นกับ Bitcoin ทำไมราคา Bitcoin ถึงไปช้า แล้วสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า, ดอกเบี้ยเฟดที่จะลดลงนั้น จะส่งผลดีกับ Bitcoin แค่ไหน
อาจารย์ตั๊ม กล่าวว่า ราคา Bitcoin นิ่ง ไม่ค่อยไปไหน ราคานิ่งกว่าเงินดอลลาร์ นิ่งกว่าเงินบาท นิ่งกว่าหุ้นไทย ความผันผวนในตลาดน้อยแล้ว จริง ๆ ราคา Bitcoin นิ่งมาตั้งแต่เดือนมีนาคมแล้ว ถ้าถอยออกมามองจะเห็นว่า Bitcoin ทำ Sideway down อยู่ในช่วงที่ไม่หลุดจากกรอบราคาของมันเลย ซึ่งกรอบราคาอาจจะกว้างหน่อยห่างกันประมาณ 20,000-30,000 เหรียญ แต่ว่ามันวิ่งอยู่แค่นี้ ขึ้น ๆ ลง ๆ ขึ้น ๆ ลง ๆ 70,000 ลงไป 50,000 อยู่แค่นี้ จนถ้าหากหลุดจากระดับราคานี้ค่อยว่ากัน แต่ก็มีช่วงที่ให้ตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน ตอนราคา bitcoin ร่วงลงไปที่ราคา 48,000 – 49,000 ดอลลาร์ ทำให้คิดว่าเป็นช่วงที่มีโอกาสให้ได้เก็บของ แต่สุดท้ายราคามันก็ไม่ร่วงลงไปอีก ราคามันก็พุ่งกลับขึ้นมาในกรอบราคาของมันอีก ดังนั้นราคาก็อยู่ในภาวะที่ไม่ได้คาดเดาอะไรกับมันมาก ก็นิ่ง ๆ ไป
“ส่วนเหตุผลต่อการ Bullish ที่มีค่อนข้างเยอะ ทั้งการ halving และ ETF ผมมองว่าในส่วนของกองทุน Spot Bitcoin ETF กระแสในตลาด retail ก็เริ่มหายไปแล้ว ส่วนการ halving กระแสความตื่นเต้นก็เพลาลงไปแล้วเหมือนกัน หลังจากช่วงเมษา เป็นต้นมา ราคา Bitcoin ก็ยังไม่ไปไหน ยังไม่พุ่งทะลุราคาแสนดอลลาร์, สองแสนดอลลาร์ ผมว่าหลายคนก็ไม่ได้มีความตื่นเต้นอะไร” อ.ตั๊ม กล่าว
นักเทรดรายย่อย และนักเทรดระยะสั้นผมมองว่า ก็ค่อย ๆ ออกจากตลาดไปเรื่อย ๆ คนที่หวังจะมาทำกำไรจากเหตุการณ์การ halving หรือจากกองทุน Spot ETF ก็จะค่อย ๆ ออกจากตลาดไปแล้ว ซึ่งตรงนี้เห็นได้ชัดจากยอดของ short term holder ที่มันลดลง แล้วมันเพิ่มขึ้นมาใหม่
ตลอดช่วงมีนาคม จนถึงปัจจุบัน เราเริ่มเห็นการถ่ายของออก โดยนักลงทุนรายย่อยเริ่มทยอยปล่อยของออก แต่น่าสนใจมาก กลับกันกับหุ้น ที่กลายเป็นว่า รายย่อยเริ่มทยอยปล่อยของออก ในขณะที่คนมาเก็บของ ถือครอง Bitcoin จะเป็นรายใหญ่ มีการเก็บ Bitcoin เพิ่มตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทุน Spot ETF ใหญ่ๆ ไม่นับบริษัทมหาชน ที่ทยอยเก็บ Bitcoin ตลอดเวลา ประเทศอย่าง เอลซัลวาดอร์ ที่ทยอยเก็บ Bitcoin ทุกวัน ไม่ได้มีการขายออกเลย ซึ่งทำให้ราคา Bitcoin กดไม่ลง
ในขณะที่ราคา Bitcoin พุ่ง ก็มีกำลังขายของผู้ลงทุนระยะสั้น รวมถึงกำลังขายของ Mt.Gox ซึ่งเหรียญ Bitcoin ของเจ้าหนี้ที่ได้รับคืนจาก Mt.Gox ส่วนใหญ่ ไม่ได้ถูกขาย แต่ว่าทำให้ราคา Bitcoin ลง สิ่งนี้ทำให้เราเห็นว่า ราคามันถูกกำหนดที่ชายขอบ คือเฉพาะส่วนของ demand และ supply ที่อยู่ในตลาด ซึ่งถือเป็น demand และ supply เล็ก ๆ เมื่อเทียบกับ Total demand ของ asset ทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวที่กำหนดราคาในตลาดซะส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้น Bitcoin ที่อยู่บนกระดานเทรดที่ถูกซื้อขายกัน มักมีปฏิกิริยาต่อข่าวเหล่านี้
ปกติเวลาเห็นสัญญาณ sell out เราจะเห็นรายใหญ่ขายออกก่อน แล้วรายย่อยจะกลายเป็นแมงเม่า ซึ่งในกรณีนี้กลับกัน เหมือนมีการสั่งสมกำลัง พลังบางอย่างอยู่ ซึ่งผมไม่รู้อนาคต
ส่วนในประเด็นของ Fed เตรียมลดดอกเบี้ย มีผลกับ Bitcoin มากน้อยแค่ไหน อาจารย์ตั๊ม กล่าวว่า ผมมองว่า จะมีการลดแน่นอน มากน้อย ผมมองไปที่ 0.5-1 คราวนี้มันส่งผลอะไรละ จริง ๆ อัตราดอกเบี้ยพวกนี้มันไม่ได้ส่งผลทันทีกับสินทรัพย์ใด ๆ เลยก็ตาม เราพูดถึงสินทรัพย์ เช่น ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ หรือหุ้น หรือ Bitcoin
เรามักคาดการณ์ว่า เมื่อมันมีการคาดการณ์แบบนี้มันมักจะ Price in ไปในสินค้าเหล่านี้ พูดง่าย ๆ คือ มันจะมีแรงซื้อ แรงผลักดันเข้าไป ทำให้ราคาขึ้น ซึ่งมันก็เกิดขึ้นกับบางสินทรัพย์ เช่นตอนนี้ราคาทองคำขึ้นไปแล้ว ราคาทองคำสวยมาก ทำ new hight ไปเมื่อเทียบกับราคา bitcoin แต่มันจะส่งผลเมื่อมันลงไปแล้วส่วนหนึ่ง แล้วมันมีการผลิตเงินเพิ่มจากอัตราดอกเบี้ยที่ลด พูดง่าย ๆ คือ มีการสร้างสินเชื่อเพิ่ม
ซึ่ง Bitcoin ค่อนข้าง จะแตกต่างจากทองคำนิดหนึ่ง เนื่องจากทองคำ มันจะตอบสนองต่อข่าว ค่อนข้างเร็ว ส่วน Bitcoin ก็มีการตอบสนองต่อข่าวในช่วงนี้ ซึ่งราคาก็พุ่งขึ้นมาเหมือนกันจาก 5 หมื่นปลาย ๆ ขึ้นมา 6 หมื่นต้น ๆ แต่ว่าน้อย ซึ่ง Bitcoin จะได้รับผลกระทบจากปริมาณเงินที่ผลิตเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะโดยธนาคารพาณิชย์ คือการผลิตเพิ่มขึ้นจากการลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้การสร้างสินเชื่อเพิ่มขึ้น หรือการผลิตเงินเพิ่มขึ้นในส่วนของสหรัฐอเมริกา หรือในส่วนของรัฐบาลด้วยการกู้ยืมเงิน เพราะยังไม่มีการอัดฉีดเงินเพิ่มขึ้น ผมจึงมองว่า การตอบสนองต่อราคา Bitcoin จึงไม่รุนแรงนัก แต่ว่าตลาด price in ไปที่ทองคำตอนนี้ ในขณะที่ Bitcoin ค่อนข้างที่ซบเซา
ทำไมเงินถึงไปทางทองคำมากกว่า Bitcoin อาจารย์ตั๊ม กล่าวว่า เอาจริง ๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าการทำให้ราคาเคลื่อนไหวไปก็ต้องเป็นคนที่อยู่ในตลาด ผมยังมีมุมมองเหมือนเดิม คือ คนส่วนใหญ่ยังมองว่า Bitcoin เป็น risk on asset คือเป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงคือเอาไว้ใช้เวลาตลาดร้อนแรง ก็ไม่แปลก ๆ จริง ๆ มันราคาควรจะลงด้วยซ้ำในกรณีที่การประกาศลดอัตราดอกเบี้ย เงินก็น่าจะไหลไปสู่ทองคำซึ่งเป็น risk off asset ในขณะที่ตลาดหุ้น, Bitcoin ราคาควรจะลง แต่การที่ราคาไม่ลงผมว่าน่าสนใจเหมือนกัน เพราะว่ามันมีความที่แตกต่างที่ขัดกันอยู่ มันมีคนที่มองว่ามันเป็นสินทรัพย์ที่ลดความเสี่ยงเงินเฟ้อได้ในระยะยาว ในขณะเดียวกันมันก็มีคนที่มองว่าเป็นสินทรัพย์เสี่ยงสูง แล้วแรงตรงนี้มันก็สู้ ๆ กันอยู่
ที่มา : youtube