ดูเหมือนว่ากระแสของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่าง Donald Trump จะได้รับความนิยมอย่างมาก หลังคอลเล็กชัน Non-fungible token (NFT) ชุดใหม่สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 2.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในเวลาไม่กี่วันหลังจากเปิดตัว
โดยเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา Trump ได้เปิดตัวคอลเล็กชัน NFT ชุดใหม่ในชื่อ America First ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อมีโอกาสร่วมงานดินเนอร์กับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนนี้ด้วย
และจากข้อมูลบน Polygonscan ณ วันที่ 29 สิงหาคม พบว่าคอลเล็กชันนี้ได้มีการมินต์ไปทั้งหมดกว่า 22,360 ครั้ง และมีผู้ถือครองมากถึง 1,210 ราย โดยมีราคามินต์อยู่ที่ 99 ดอลลาร์สหรัฐต่อครั้ง ซึ่งคาดว่าคอลเล็กชันใหม่นี้ได้ทำรายได้มากถึง 2.2 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่วันหลังเปิดตัว
และเมื่อย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา Trump ได้เคยแย้มว่าจะเปิดตัวคอลเล็กชัน NFT ชุดที่สี่ โดยเน้นถึงความสำคัญของการที่สหรัฐฯ ที่ควรจะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมคริปโต เพราะถ้าหากปล่อยปละละเลยไป ประเทศจีนอาจจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านนี้ได้
โดยคอลเล็กชันนี้มีทั้งหมด 360,000 ชิ้น ซึ่งถ้าหากขายหมด NFT นี้อาจทำรายได้สูงถึง 35 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Trump จะทำเงินได้อย่างมหาศาลจากการขาย NFT แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากสมาชิกในชุมชนคริปโตที่มองว่าการเข้ามาสู่วงการดิจิทัลคอลเล็กชันของเขาเป็นเพียงแค่ “การหาผลประโยชน์” เท่านั้น
นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่าการเปิดตัวคอลเล็กชัน NFT ชุดที่สี่ของ Trump อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ส่งหมาย Wells notice ไปยัง แพลตฟอร์มซื้อขาย NFT อย่าง OpenSea ซึ่งเป็นเพียงวันเดียวหลังจากที่คอลเล็กชันของ Trump ถูกปล่อยออกมา
ในขณะที่ นักสะสม Bitcoin Ordinals อย่าง Udi Wertheimer และนักสะสม NFT ที่ใช้นามแฝงว่า “Franklin” ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่านับตั้งแต่ OpenSea ได้รับหมายจาก SEC หลังจากคอลเล็กชันนี้ถูกปล่อยออกมา มันก็ได้ทำให้รู้สึกว่า Trump เป็นผู้ที่ทำลายตลาด NFT ไปแล้ว
ที่มา: Cointelegraph