เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ดำเนินการทางกฎหมายสองคดีเพื่อยึดทรัพย์สินดิจิทัลที่ถูกขโมยรวมมูลค่ากว่า 2.67 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือ
ตามข้อมูลจากเอกสารทางกฎหมาย การอายัดครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการแฮกครั้งใหญ่สองเหตุการณ์ โดยหนึ่งในนั้นคือการขโมย USDT มูลค่า 1.7 ล้านดอลลาร์จาก Deribit ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนออปชัน และ Bitcoin จำนวน 15.5 BTC มูลค่าราว 971,000 ดอลลาร์ จากเว็บไซต์ Stake.com
โดยกลุ่ม Lazarus ถูกเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการแฮ็กแพลตฟอร์ม WazirX ที่ก่อให้เกิดความเสียหายสูงถึง 234.9 ล้านดอลลาร์ โดยการยึดคริปโตฯ ครั้งนี้ ทางการสหรัฐฯ หวังที่จะขัดขวางการไหลเวียนของเงินทุนที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย
สิ่งที่น่าสนใจคือกลุ่มแฮ็กเกอร์ Lazarus มีเป้าหมายโจมตีองค์กรในหลายประเทศ อาทิเช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐฯ และเวียดนาม โดยกลยุทธ์ของกลุ่มนี้มักประกอบด้วยการโจมตีทางไซเบอร์ การข่มขู่กรรโชก และการขโมยทรัพย์สิน
และในเดือนกันยายนที่ผ่านมา FBI ได้เตือนถึงกลยุทธ์ใหม่ที่กลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือใช้ในการหลอกลวงนักลงทุนคริปโต โดยวิธีการที่ใช้มักเกี่ยวข้องกับการเสนอโครงการใหม่หรือนำเสนอการลงทุนแบบองค์กร ซึ่งอาจดูไม่น่าสงสัยในตอนแรก
นอกจากนี้ กลุ่ม Lazarus ยังเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีครั้งใหญ่ เช่น การแฮ็ก Sony Pictures ในปี 2014 และการสร้าง WannaCry ransomware อีกทั้งยังพยายามฟอกเงินผ่าน Tornado Cash แต่ก็ถูกติดตามและอายัดเงินบางส่วนโดยเจ้าหน้าที่
ที่มา: BeinCrypto