Bitcoin กำลังตั้งท่าพร้อมที่จะทิ้งห่างทองคำและ NASDAQ อีกครั้ง ในแง่ของการเติบโตทางด้านราคา ประวัติศาสตร์ในอดีตบ่งชี้ว่า สกุลเงินคริปโตเบอร์หนึ่งมีประสิทธิภาพในการเติบโตที่เหนือกว่า ท่ามกลางช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการขยายตัวทางการเงิน
ทั้งนี้ การขยายตัวทางการเงิน หรือ Monetary Expansion หมายถึง การที่ธนาคารกลางของประเทศนั้นๆ เพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต
ปัจจุบันราคา ทองคำ เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% นับตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่วนของดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้นเพียง 24.43% ขณะที่ Bitcoin (BTC) ขึ้นนำด้วยการเติบโตมากกว่า 52% นับตั้งแต่ช่วงต้นปี
ข้อมูลอินไซต์จาก Ecoinometrics ได้เน้นย้ำถึงความสามารถของ Bitcoin ในการเติบโตในช่วงเวลาที่มีการขยายตัวทางการเงิน
เมื่อเศรษฐกิจในภาพใหญ่ กำลังเผชิญกับความยากลำบากทางการคลัง ความสนใจก็กลับมาที่การตอบสนองของ Bitcoin เมื่อสกุลเงินเฟียตมีการด้อยค่าลง
ในปัจจุบัน สกุลเงินดิจิทัลมีการเติบโตอย่างน่าประทับใจ โดยมีอัตราการเติบโตประจำปีแบบทบต้น (CAGR) ประมาณ 150% ซึ่งสูงกว่าตลาด NASDAQ ที่มี CAGR น้อยกว่า 50% และทองคำที่มีอัตราการเติบโตต่ำกว่ามาก ทำให้ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในช่วงเวลานี้
โดยสรุปแล้ว Bitcoin มี CAGR ที่สูงกว่า NASDAQ เกือบ 4 เท่า และสูงกว่า ทองคำ ประมาณ 20 เท่า
Ecoinometrics ระบุว่า หากไม่มีการเติบโตทางการเงินที่แข็งแกร่ง Bitcoin มักจะแสดงความเสถียรภาพด้านราคาและมีความผันผวนที่น้อยลง โดยการเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สกุลเงินเฟียตมีการด้อยค่า
แม้บรรยากาศในปัจจุบันจะดูสงบ แต่ความท้าทายทางการคลังทั่วโลก เช่น การขาดดุลที่สูงขึ้นและระดับหนี้สินที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บ่งชี้ว่าอาจมีการอัดฉีดสภาพคล่องใหม่ในเร็ว ๆ นี้ หากเกิดขึ้นจริง Bitcoin อาจได้เห็นการเพิ่มขึ้นของราคา ซึ่งน่าจะ outperform สินทรัพย์ประเภทหุ้นดั้งเดิมและสินทรัพย์อื่น ๆ
นอกจากนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึงอาจมีอิทธิพลต่อเส้นทางของ Bitcoin ด้วย โดยงานวิจัยจาก Bernstein ระบุว่าหากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง Bitcoin อาจทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 73,949 ดอลลาร์ และนักวิเคราะห์เชื่อว่าทัศนคติที่ดีของทรัมป์ต่อสินทรัพย์ดิจิทัลอาจผลักดันการนำไปใช้และการเติบโตของ Bitcoin ต่อไป
ที่มา:franknez