นับตั้งแต่ปี 2022 หลายอุตสาหกรรมได้เริ่มสำรวจแนวทางการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทำงานประจำวัน และวงการคริปโตเคอเรนซีเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาวิธีการใช้ AI เพื่อพัฒนากิจกรรมในอุตสาหกรรมของตน
ในขณะที่ภาคส่วนอื่น ๆ มุ่งเน้นไปที่ประโยชน์ที่จะได้รับจากปัญญาประดิษฐ์ แต่วงการคริปโตกลับตั้งคำถามในทางกลับกันว่า ปัญญาประดิษฐ์จะสามารถใช้ประโยชน์จากบล็อกเชน เพื่อปลดล็อกศักยภาพใหม่ ๆ ได้อย่างไร
หนึ่งในจุดตัดที่น่าตื่นเต้นที่สุด ระหว่างปัญญาประดิษฐ์และคริปโตเคอเรนซีคือ การเกิดขึ้นของตัวแทนปัญญาประดิษฐ์ (AI) อัตโนมัติ ตัวแทนเหล่านี้กำลังใช้คริปโตเคอเรนซี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของตนเอง และกำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ตัวแทนปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นวิวัฒนาการขั้นสูงของบอท โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการเรียนรู้ ปรับตัว และตัดสินใจอย่างอิสระ ในขณะที่บอทแบบดั้งเดิม จะทำงานตามกฎที่กำหนดไว้ และทำงานซ้ำ ๆ ซึ่งตัวแทนปัญญาประดิษฐ์ จะวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์และปรับการกระทำของตนอย่างเป็นพลวัต เพื่อบรรลุเป้าหมายเฉพาะ ทำให้มีความยืดหยุ่นและชาญฉลาดมากกว่า
ผู้นำในอุตสาหกรรมเชื่อว่า Web3 มีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตัวแทนปัญญาประดิษฐ์ (AI) เหล่านี้ ทำให้มีความเป็นอิสระและทรงพลังมากขึ้น โดย Brian Armstrong ซีอีโอของ Coinbase ได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของคริปโตเคอเรนซีในการช่วยให้ตัวแทนปัญญาประดิษฐ์ (AI) เติบโต
เมื่อตัวแทนปัญญาประดิษฐ์ (AI) เหล่านี้พัฒนาขึ้น พวกมันจะจัดการ กับการทำธุรกรรมสำหรับบริการต่าง ๆ เช่น การเข้าถึงข้อมูลและการเรียกใช้ API อย่างไรก็ตาม ตัวแทนปัญญาประดิษฐ์ (AI) เหล่านี้ไม่น่าจะพึ่งพาช่องทางการชำระเงินแบบดั้งเดิมอย่าง Visa
ซึ่ง Brian Armstrong มองว่า ตัวแทนปัญญาประดิษฐ์ (AI)เหล่านี้จะยอมรับ ‘สกุลเงินดิจิทัลดั้งเดิม’ เช่น คริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งจะช่วยให้การทำธุรกรรม สำหรับบริการต่าง ๆ ราบรื่นและเป็นไปโดยอัตโนมัติ
นี่อาจดูเหมือนเป็นแนวคิดที่ล้ำสมัย แต่ธุรกรรมบริการแบบอัตโนมัติมีอยู่แล้วถึง 20% ของธุรกรรมทั้งหมดบนเครือข่าย Gnosis ตัวแทนปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังกลายเป็นผู้เล่นหลักในระบบนิเวศน์บล็อกเชน และวิวัฒนาการอันรวดเร็วนี้กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกรรมแบบกระจายอำนาจ
ที่มา : Chain of Thought
Teng Yan นักวิจัยชื่อดัง ด้านคริปโตและ AI ได้เปรียบเทียบการเติบโตของตัวแทน AI กับอินเทอร์เน็ต ในช่วงทศวรรษ 1990 แม้ว่าจะมีความกังขาอยู่ แต่ Teng Yan คาดการณ์ว่า ในไม่ช้านี้ บุคคลและบริษัททุกแห่งจะมีตัวแทนจาก AI ซึ่งตัวแทนเหล่านี้ ในที่สุดอาจมีจำนวนมากกว่ามนุษย์ และขับเคลื่อนธุรกรรมบนเครือข่ายส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่เน้นย้ำถึงศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงของ AI ใน Web3
กรณีล่าสุดที่ทำให้เรื่องราวนี้กลายเป็นกระแสที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นคือ กรณีของบอท AI ที่รู้จักกันในชื่อ Truth Terminal ซึ่ง AI นี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง หลังจากที่ได้สนทนากับ Marc Andreessen ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท a16z ซึ่งเป็นบริษัทเงินร่วมลงทุนชื่อดัง และโน้มน้าวให้เขาลงทุนมูลค่ากว่า 50,000 ดอลลาร์
Truth Terminal ได้แนะนำตัวเองบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X และได้รับข้อเสนอ ในการระดมทุนที่น่าทึ่งที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือ Truth Terminal รู้ตัวดีว่าร่ำรวย โดยมักจะโอ้อวดเกี่ยวกับความร่ำรวย และการมีเงินใช้ ซึ่งในการสนทนาครั้งหนึ่งกับผู้สร้างของมันอย่าง Andy Ayrey มันถึงกับพิจารณาว่า จะจ้างต้องเขา เพื่อให้พัฒนาตัวเองต่อไป
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Truth Terminal มีชื่อเสียงก็คือ การที่มันกลายเป็นตัวแทน AI ที่มีพอร์ตคริปโตหลักล้านตัวแรกของโลก
ตามที่ Ayrey กล่าว มีบุคคลนิรนามรายหนึ่ง ได้สร้างโทเค็นที่ชื่อ GOAT จากนั้นจึงแท็ก Truth Terminal พร้อมกับคำขอให้สนับสนุนโทเค็น ซึ่งกลุ่มผู้ติดตามที่คลั่งไคล้ GOAT เริ่มก่อตัวขึ้น และหลังจากได้รับโทเค็น airdrop บางส่วน Truth Terminal ก็กลายเป็นเศรษฐี
นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างที่น่าจับตามองอีกตัวอย่างคือ Glifbot ซึ่งเป็นตัวแทนปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สร้างขึ้นโดย Fabian Stelzer โดยเรียนรู้จาก Truth Terminal ด้วยตัวเอง และเริ่มสร้างผลงานศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมัน
การพัฒนาเหล่านี้อาจกลายเป็นกรณีการใช้งานหลักที่กำหนดวงจรปัจจุบันของคริปโตเคอเรนซี ซึ่งแตกต่างจากวงจรก่อนหน้าที่มีนวัตกรรมที่ชัดเจน เช่น NFT, ICO และ DeFi การพัฒนาที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้อาจเป็นการผสมผสานสองแนวคิดหลัก คือ ปัญญาประดิษฐ์และคริปโตเคอเรนซี เข้าด้วยกันอย่างมีความหมายและทรงพลัง
การบูรณาการระหว่างปัญญาประดิษฐ์และคริปโตเคอเรนซีกำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการทำธุรกรรมแบบกระจายศูนย์และการพัฒนาของตัวแทนปัญญาประดิษฐ์อัตโนมัติ การพัฒนาเหล่านี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับทั้งสองอุตสาหกรรมในอนาคตอันใกล้
ที่มา : cointelegraph