ท่ามกลางกระแสการฟื้นตัวของราคา Bitcoin ที่กำลังกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ตลาดคริปโตกลับต้องเผชิญกับปัญหาปลดพนักงานอย่างรุนแรงในหลายบริษัทชั้นนำ ทั้ง Matter Labs ซึ่งเป็นผู้พัฒนา zkSync, ConsenSys ที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบน Ethereum, บริษัท DYDX และ Kraken ต่างก็ประกาศปรับลดพนักงานเพื่อจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
ในบทความนี้ สยามบล็อกเชนจะพามาเจาะลึกว่า เกิดอะไรขึ้นทำไมตลาดคริปโตถึงประสบปัญหาปลดพนักงานครั้งใหญ่
Antonio Juliano ซีอีโอของตลาดอนุพันธ์แบบกระจายศูนย์อย่าง dYdX ได้ประกาศการเลิกจ้างพนักงาน 35% โดยให้เหตุผลว่า เป็นความจำเป็นในการ “ฟื้นฟู” ตลาด เนื่องจากรูปแบบปัจจุบัน แตกต่างจากสิ่งที่ dYdX ควรจะเป็น
Antonio Juliano กล่าวว่า “ผมเคยเห็นเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมันจะยังคงดำเนินต่อไป สิ่งที่เรากำลังสร้างนั้นยิ่งใหญ่กว่าบริษัท และคุณจะเป็นส่วนหนึ่งของมันเสมอ”
เป็นที่น่าสังเกตว่า การเลิกจ้างพนักงานของบริษัท dYdX เกิดขึ้นไม่นาน หลังจากที่ บริษัท ConsenSys ก็ปลดพนักงานออก 20%
Joseph Lubin ซีอีโอของ ConsenSys ได้อ้างถึงสภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่เอื้ออำนวย ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการกำกับดูแลคริปโตในสหรัฐอเมริกา และค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีทางกฎหมาย กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) จึงเป็นเหตุผลสำคัญสำหรับการเลิกจ้าง
ในขณะเดียวกัน Joseph Lubin ยืนยันว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทนั้นมั่นคง
Joseph Lubin กล่าวว่า บริษัท ConsenSys จะมุ่งเน้นไปที่ตัวขับเคลื่อนรายได้หลักของบริษัท ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่นำมาใช้ก่อนหน้านี้ ผลิตภัณฑ์เรือธงของบริษัทอย่าง MetaMask และ Linea ซึ่งเป็นเครือข่าย Ethereum เลเยอร์ที่สอง จะทำหน้าที่เป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาต่อไป
นอกจากนี้ CEO ของบริษัท ConsenSys ยังกล่าวว่า พนักงานที่ถูกเลิกจ้างจะได้รับการสนับสนุนหลังจากออกจากบริษัท ได้แก่ ค่าชดเชยการเลิกจ้างตามอายุงาน ความช่วยเหลือในการหางานในอนาคต และสวัสดิการด้านสุขภาพที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งการเลิกจ้างดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อพนักงานประมาณ 162 คนจากทั้งหมด 828 คนที่ทำงานจากทุกแผนกของ Consensys
สำหรับ Matter Labs บริษัทแม่ของ zkSync การเลิกจ้างส่งผลกระทบต่อพนักงานประมาณ 16% บริษัทอธิบายการเลิกจ้างดังกล่าวว่า เป็นผลมาจากตลาดที่พัฒนา และแรงกดดันในการแข่งขันในหมู่โซลูชัน Ethereum Layer-2
ซึ่ง Matter Labs พบว่า การรักษาตำแหน่งในภูมิทัศน์การแข่งขันที่สูง ทำให้ต้องปรับโครงสร้างทรัพยากรใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการในปัจจุบันของนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม zkSync
ส่วนในกรณีของ Kraken ที่มีการประกาศเลิกจ้างพนักงาน 15% ของบริษัท โดยเลิกจ้างพนักงานรวมทั้งสิ้น 400 ตำแหน่ง เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กร รวมถึงการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำ
เนื่องจากบริษัทเน้นทำให้โครงสร้างองค์กรดูแลง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มความคล่องตัว โฟกัสเรื่องประสิทธิภาพ โดยสอดคล้องกับความทะเยอทะยานของบริษัทในการเป็นตลาดเว็บเทรดคริปโตชั้นนำระดับโลก โดยมุ่งเป้าไปที่การวางตำแหน่งที่สามารถแข่งขันได้มากขึ้น โดยการลดชนชั้นการจัดการที่ไม่จำเป็นออกไป
เหตุใด SEC จึงกลายเป็นผู้ร้ายในเรื่องนี้ ?
ในแถลงการณ์การเลิกจ้าง Joseph Lubin อ้างถึง SEC ว่า เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เขาลดพนักงาน ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลได้ฟ้องผู้พัฒนาของกระเป๋าเงิน MetaMask โดยระบุว่า บริษัทได้ละเมิดกฎหมายผ่านบริการ MetaMask Staking
การฟ้องร้องเกิดขึ้นไม่นานหลังจาก ConsenSys ยื่นฟ้อง SEC และพนักงานอีก 5 คนที่ไม่ได้ระบุชื่อ เกี่ยวกับ “การกำกับดูแล ETH” โดยขอให้ศาลอนุมัติข้อความอย่างเป็นทางการ ที่จะไม่จัดประเภทสินทรัพย์ว่าเป็นหลักทรัพย์
ผลจากการดำเนินการดังกล่าว ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) จึงได้ยุติการสอบสวน Ethereum 2.0 ซึ่งหน่วยงานได้ดำเนินการดังกล่าว หลังจากที่องค์กรได้ส่งจดหมายขอความชัดเจนเกี่ยวกับประเภทสินทรัพย์ เมื่อมีการอนุมัติกองทุน Spot Ethereum ETF อย่างไรก็ตาม คดีความเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของ SEC ที่ยังคงดำเนินอยู่ ทำให้ ConsenSys ต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย
การเลิกจ้างเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ราคา Bitcoin กำลังพุ่งขึ้นสวนกระแส
ที่น่าสังเกตคือ ตลาดคริปโตกำลังเฟื่องฟู ในช่วงเวลาที่ประกาศการเลิกจ้าง ซึ่งโดยทั่วไปถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับบริษัทคริปโต โดยเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นจาก 70,000 ดอลลาร์ ไปเล็กน้อยที่ 73,600 ดอลลาร์ ซึ่งเข้าใกล้ระดับสูงสุดทางประวัติศาสตร์ (ATH) ที่ 73,777 ดอลลาร์
ซึ่งนับตั้งแต่ต้นเดือน มูลค่าของคริปโตเคอร์เรนซีเพิ่มขึ้น 12% นักวิเคราะห์จึงเชื่อมโยงแนวโน้มนี้ กับการคาดการณ์ผ่านการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ราคา Bitcoin ที่มา: crypto.news
การเติบโตของราคา Bitcoin เกิดจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสนใจใน กองทุน Bitcoin ETFs จากบริษัทขนาดใหญ่อย่าง BlackRock ที่กำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งดึงดูดเงินลงทุนจำนวนมาก ล่าสุด สหรัฐฯ พบว่ามีเงินลงทุนของนักลงทุนรายใหม่ ไหลเข้าจำนวน 2.7 พันล้านดอลลาร์ในกองทุน Bitcoin ETF ซึ่งช่วยดึงดูดนักลงทุนรายใหม่และทำให้ราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้น
นอกจากนี้ ความต้องการในการป้องกันตนเองจากภาวะเงินเฟ้อ ก็มีผลกระทบอย่างมากต่อตลาด ท่ามกลางสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น นักลงทุนหลายราย จึงหันไปพึ่งสินทรัพย์ที่มีจำนวนจำกัด อย่าง Bitcoin เพื่อรักษาเงินออมของตน
ในขณะที่ dYdX, ConsenSys, Matter Labs และ Kraken ลดจำนวนพนักงาน บริษัทเว็บเทรดคู่แข่งอย่าง Crypto.com, Binance, Coinbase, Gemini กลับกำลังเพิ่มการจ้างงาน ตามการเติบโตของตลาดคริปโต
พลวัตของการเลิกจ้างในอุตสาหกรรมคริปโตเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง?
ตามข้อมูลจาก layoffs.fyi ไตรมาสแรกของปี 2023 เป็นช่วงที่มีการเลิกจ้างพนักงานสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2020 โดยมีพนักงานกว่า 167,000 คนถูกเลิกจ้าง
อย่างไรก็ตาม ในปี 2024 สถานการณ์ดูดีขึ้นมาก โดยการเลิกจ้างสูงสุดเกิดขึ้นในไตรมาสแรกที่ 57,000 คน และลดลงในไตรมาสที่สอง และสาม เหลือจำนวน 43,000 คน และ 38,000 คนตามลำดับ
ที่มา: layoffs.fyi
ดังนั้นกรณีการเลิกจ้างพนักงานของ dYdX, ConsenSys, Matter Labs และ Kraken จึงถือเป็นข้อยกเว้นมากกว่าจะเป็นแนวโน้มทั่วไปของปี 2024 หลังจากการเลิกจ้างครั้งใหญ่ในปี 2022 และ 2023 ตลาดงานในอุตสาหกรรมบล็อกเชนดูเหมือนจะกำลังฟื้นตัว
ที่มา : crypto.news