นักลงทุนในวอลล์สตรีทยังไม่ค่อยรับรู้ถึงศักยภาพของ Ethereum มากนัก ซึ่งคล้ายกับ Amazon ในช่วงต้นปี 1990 ก่อนที่มันจะกลายเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่มูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามรายงานของนักเคราะห์จากบริษัทจัดการสินทรัพย์ คริปโต 21Shares
Leena ElDeeb นักวิเคราะห์จาก 21 Shares กล่าวว่า กองทุน Spot Ethereum ETF จะมีเงินไหลเข้าครั้งใหญ่ ก็ต่อเมื่อผู้คนเข้าใจศักยภาพของ ETH มากขึ้น
ElDeeb กล่าวว่า Ethereum มีความซับซ้อนคล้ายกับ Amazon ในปี 1990 เนื่องจากมันมีศักยภาพมากมายแต่ไม่ค่อยตรงไปตรงมาในเรื่องยูสเคส
Federico Brokate รองประธานและหัวหน้าหน่วยธุรกิจสหรัฐฯ ที่ 21Shares กล่าวเสริมว่า ในขณะที่ Amazon เริ่มต้นจากการเป็นร้านหนังสือแบบออนไลน์ “ไม่มีใครคาดการณ์ได้เลยว่า มันจะเปลี่ยนไปเป็นยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซและการประมวลผลคลาวด์ระดับโลก ซึ่งมันได้เปลี่ยนแปลงวิธีการช็อปปิ้งและการใช้บริการดิจิทัลของเราไปอย่างสิ้นเชิง”
เช่นเดียวกัน Ethereum ที่เริ่มต้นในปี 2015 ในฐานะแพลตฟอร์มที่สนับสนุนสัญญา Smart Contract พื้นฐาน และตอนนี้สนับสนุนแอปพลิเคชันการเงินแบบกระจายศูนย์ที่มีมูลค่ามากกว่า 140,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“เช่นเดียวกับที่ Amazon ถูกพัฒนาขึ้นจากร้านหนังสือออนไลน์เพื่อกำหนดนิยามใหม่ให้กับอุตสาหกรรมทั้งมวล Ethereum ก็อาจทำให้เราแปลกใจด้วยกรณีการใช้งานที่ปฏิวัติที่เรายังไม่สามารถจินตนาการได้ในวันนี้”
แม้ว่า Ethereum จะมีมูลค่าตลาด 320,000 ล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังเป็นเพียง 6.25% ของมูลค่าประเมิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ของ Amazon แต่ Brokate ชี้ให้เห็นถึงข้อได้เปรียบที่ Ethereum มีเหนือ Amazon ในปี 1990 คือกลุ่มนักพัฒนาที่มีพรสวรรค์มากมายที่ทำงานให้กับ Ethereum
“ในช่วงปลายปี 1990 Amazon มีพนักงานประมาณ 7,600 คน ในทางตรงกันข้าม เครือข่าย Ethereum ในวันนี้มีนักพัฒนาที่ทำงานอยู่กว่า 200,000 คน รวมถึงวิศวกรซอฟต์แวร์ นักวิจัย และนักออกแบบโปรโตคอล ที่ทั้งหมดมีส่วนช่วยในการพัฒนาเครือข่ายดังกล่าว
Brokate กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบัน Amazon ได้เติบโตขึ้นโดยมีการจ้างงานมากกว่า 1.5 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งการเติบโตแบบนี้อาจจะเห็นได้ในระบบนิเวศของ Ethereum เช่นเดียวกัน”
ในขณะที่ Ethereum ต้องเผชิญกับการแข่งขันจาก Solana และคู่แข่ง Layer-1 อื่น ๆ มันยังคงเป็นผู้นำในโลกของการแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ การกู้ยืมและการให้ยืม ตลาด stablecoin และสินทรัพย์ในโลกจริง
BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ทำการ Tokenized มูลค่ากองทุนตลาดเงินกว่า 533 ล้านดอลลาร์ บน Ethereum เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ธนาคาร UBS ของสวิตเซอร์แลนด์ได้เปิดตัวกองทุนบนเครือข่าย Ethereum ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ บริษัทด้านการชำระเงินชั้นนำอย่าง PayPal และ Visa ก็ยังคงพัฒนาโปรเจกต์บน Ethereum
อย่างไรก็ตาม “มีเพียงนักลงทุนไม่กี่คน ที่เข้าใจศักยภาพที่แท้จริงของ Ethereum” Brokate กล่าว และในปัจจุบันหลายคนได้เลือกที่จะ “อยู่ข้างสนาม” กับกองทุน Spot Ethereum ETF
เงินไหลเข้าของ กองทุน Spot Ethereum ETF อยู่ที่ 9% ของจำนวนเงินที่ไหล Spot Bitcoin ETF ทำได้ในช่วง 90 วันแรก เมื่อไม่นับรวมการไหลออกของ Grayscale ตามที่ Katalin Tischhauser หัวหน้าการวิจัยที่ Sygnum Bank กล่าว
การขาดแคลนเงินทุนจากสถาบันอาจเป็นผลมาจากกลยุทธ์การปรับขนาดเลเยอร์ 2 ของ Ethereum ซึ่งกำลังลดรายได้ไปจากเครือข่ายหลัก
CK Zheng หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของกองทุนเฮดจ์ฟันด์คริปโต ZX Squared Capital กล่าวว่า รายได้ที่ลดลงของ Ethereum อาจไม่ถูกใจนักลงทุนในวอลล์สตรีตหลายคนที่ใช้การวิเคราะห์กระแสเงินสดเพื่อการประเมินมูลค่า
ทั้งนี้ Amazon ก็เคยประสบกับการขาดทุนในแต่ละไตรมาสในช่วงปี 1990 เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม Brokate ไม่กังวลเกี่ยวกับปัญหารายได้ล่าสุดของ Ethereum เนื่องจากกลยุทธ์การปรับขนาดเลเยอร์ 2 กำลังดึงดูดลูกค้าใหม่หลายล้านคนในต้นทุนที่ต่ำ เนื่องจาก ค่าธรรมเนียมจากเลเยอร์ 2 จะเติบโตจน “เพียงพอ” และผลักดันค่าธรรมเนียมของ Ethereum mainnet ให้กลับไปสู่ระดับเดิมได้ในที่สุด
ที่มา:cointelegraph