ราคาของ XRP พุ่งทะยานกว่า 100% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา แตะระดับสูงสุดแถว $1.20 ทะลุแนวต้านสำคัญ $1.00 ที่เคยเป็นกำแพงราคาสุดแข็ง ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021 การเคลื่อนไหวครั้งนี้สร้างความยินดีให้กับเหล่าผู้ถือ XRP ที่รอคอยช่วงเวลานี้มาอย่างยาวนาน
สิ่งที่น่าสนใจคือ ปัจจัยเบื้องหลังความสำเร็จของ XRP ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มาจากการเลือกตั้งครั้งสำคัญในสหรัฐฯ ซึ่งกำลังปลุกกระแสความหวังในวงการคริปโตขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยแนวโน้มที่รัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของ Trump และสภาคองเกรส อาจปรับใช้นโยบายการกำกับดูแลที่เป็นมิตรต่อคริปโตมากขึ้น นี่คือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้ตลาดคริปโต โดยเฉพาะ XRP พุ่งทะยานได้ขนาดนี้
เหตุผลเบื้องหลังที่หนุนราคาของ XRP และสิ่งที่กำลังจะตามมา
เมื่อ CEO ของ Ripple อย่าง Brad Garinghouse ได้โพสต์ข้อความว่า เขากำลังติดต่อกับทีมรัฐบาลของทรัมป์ ข่าวนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ดึงความสนใจกลับมาสู่ XRP อีกครั้ง! โดยข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยครั้งแรกผ่านสื่อชั้นนำอย่าง Washington Post เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
และในวันพฤหัสบดี ประธาน SEC อย่าง Gary Gensler ได้กล่าวสุนทรพจน์ในงาน 56th Annual Institute on Securities Regulation ที่จัดโดยสถาบัน Practicing Law Institute
คำพูดปิดท้ายของ Gary Gensler ในงานดังกล่าวฟังดูคล้ายกับการกล่าวอำลามากกว่าคำปราศรัยทั่วไป ซึ่งหากการลาออกของเขาเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นข่าวใหญ่สำหรับ Ripple เพราะมันอาจเป็นสัญญาณว่าคดีที่หน่วยงาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ (SEC) ฟ้อง Ripple เรื่องการขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนอาจใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว
“ก่อนที่ผมจะจบการพูดในวันนี้ ผมอยากกล่าวถึง SEC และทีมงาน นี่คือหน่วยงานที่น่าทึ่ง ทีมงานของ SEC มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการปกป้องนักลงทุน การรักษาความยุติธรรมในตลาด และการสนับสนุนการระดมทุน…
ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานร่วมกับพวกเขา รับใช้ประชาชน และทำให้มั่นใจว่าตลาดทุนของเรายังคงเป็นหนึ่งในตลาดที่ดีที่สุดในโลก…
ผมภูมิใจที่ได้ทำงานกับเพื่อนร่วมงานที่ทุ่มเททุกวันเพื่อปกป้องครอบครัวชาวอเมริกันในเส้นทางการเงินของพวกเขา” Gary กล่าว
คำพูดนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความภาคภูมิใจในหน้าที่ของ Gensler แต่ยังชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ SEC อาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งสามารถส่งผลโดยตรงต่อคดีของ Ripple ที่กำลังดำเนินอยู่
ก่อนหน้านี้ ผู้ที่ติดตามคดีในศาลหลายคนเริ่มมองว่ามีโอกาสที่ Ripple จะสามารถยุติประเด็นนี้ได้ และถ้า Gensler ลาออกจริงๆ SEC ก็อาจจะยกฟ้องคดีนี้ไปเลย
แม้ Trump จะสามารถเอา Gensler ออกจากตำแหน่งประธานได้ แต่ Trump ก็ไม่มีอำนาจที่จะไล่ Gensler ออกได้โดยตรง ซึ่งเป็นไปได้ว่า Gensler จะยอมลาออกเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียหน้า
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์นี้จะเริ่มส่งสัญญาณชัดเจนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยราคาของ XRP ได้พุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสามารถสังเกตได้จากกราฟด้านล่างนี้
ราคา XRP มีโอกาสแตะ $5 ภายในสิ้นปี 2024
แม้ตลาดโดยรวมจะเริ่มชะลอตัวลงหลังจากกระแส ‘Trump trade’ เริ่มจางหาย แต่ XRP กลับกำลังเข้าสู่ช่วงตลาดกระทิงที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีโอกาสพาราคาทะลุจุดสูงสุดเดิมที่ $3.84 (หรือ $3.3 ตามราคาปิดวัน) โดยเป้าหมายราคาสิ้นปีนี้สำหรับ XRP ถูกคาดการณ์ไว้ว่าจะพุ่งถึง $5
หากเป้าหมายนี้สำเร็จ การเพิ่มขึ้นของราคา XRP จะคิดเป็นการเติบโตสูงถึง 277% จากราคาปัจจุบันที่ $1.08
นอกจากนี้ ยังมีการเผา XRP จำนวน 13 ล้านเหรียญเมื่อสามวันก่อน ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยเสริมให้บรรยากาศในตลาดยังคงเป็นไปในทิศทางเชิงบวก
การใช้ XRP ในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน ยังคงเป็นหนึ่งในจุดแข็งที่โดดเด่นของ Ripple
XRP ทำหน้าที่เป็นโทเคนสภาพคล่องที่ออกแบบมาเพื่อช่วยสถาบันการเงินเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมข้ามประเทศ และในปัจจุบัน การใช้งานนี้ได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของแพลตฟอร์ม
อนาคตที่สดใสของ Ripple อาจมาถึง หากสหรัฐฯ ปรับตัวเป็นมิตรกับคริปโตมากขึ้น ตามนโยบายที่รัฐบาล Trump เคยแสดงท่าทีไว้ เพราะหากเป็นเช่นนั้น XRP จะมีโอกาสกลายเป็นโซลูชันธุรกรรมข้ามประเทศที่ใช้งานได้ทั่วโลก อีกทั้ง Ripple ยังมีการพัฒนา stablecoin ชื่อ RLUSD ซึ่งจะนำมาใช้ร่วมกับ XRP เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบ Ripple Payments Solution
นอกจากนี้ หากมีกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจน เทคโนโลยีของ Ripple อาจได้รับความสนใจจากองค์กรระดับรัฐบาล เช่น ธนาคารกลาง ที่อาจหันมาพิจารณาการใช้ สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ควบคู่กับระบบของ Ripple เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชำระเงิน
ตลาดคริปโตในขาขึ้นยังเสริมความมั่นใจให้กับนักลงทุน บริษัทโบรกเกอร์ชั้นนำในสหรัฐฯ อย่าง Alliance Bernstein ได้ให้คำแนะนำกับลูกค้าว่า “ซื้อทุกอย่างที่สามารถซื้อได้” ซึ่ง XRP ยังคงเป็นหนึ่งในโทเค็นที่น่าจับตามองสำหรับพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุน ด้วยโอกาสเติบโตที่ชัดเจนจากการคลี่คลายคดีความทางกฎหมายและแนวโน้มตลาดกระทิง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจัดพอร์ตการลงทุนให้มีความหลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ดิจิทัลหลายประเภท เพราะถึงแม้ XRP จะมีศักยภาพ แต่การลงทุนในคริปโตยังคงมีความผันผวนที่ต้องระมัดระวังเสมอ
มี XRP อยู่แล้ว ควรซื้ออะไรเพิ่มดี? แนะนำ 3 เหรียญ Meme น่าสนใจที่อาจให้ผลตอบแทนสูง
ในขณะที่ XRP ยังคงเป็นดาวเด่นของตลาดกระทิงในครั้งนี้ แต่ก็ไม่สามารถมองข้ามความร้อนแรงของตลาดเหรียญมีมที่กำลังสร้างความตื่นตัวในหมู่นักลงทุน โดยเฉพาะในช่วง ICO ซึ่งมักมอบผลตอบแทนที่น่าสนใจ
นี่คือ 3 เหรียญมีมที่น่าจับตามอง ซึ่งคุณอาจพิจารณาเพิ่มในพอร์ตการลงทุน
1. Pepe Unchained ($PEPU) – เหรียญมีมพร้อมศักยภาพ 10X
Pepe Unchained เป็นเหรียญมีมตัวแรกที่พัฒนาบนบล็อกเชน Ethereum Layer 2 ของตัวเอง โปรเจกต์นี้ระดมทุนได้แล้วกว่า 32 ล้านดอลลาร์ ในช่วง ICO และจะสิ้นสุดในอีก 27 วัน หากคุณสนใจ อย่ารอช้า
ระบบนิเวศของโปรเจกต์นี้ยังครอบคลุมไปถึงแพลตฟอร์ม Pump Pad ที่ช่วยให้การปล่อยเหรียญมีมเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ถือเป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนที่มองหาโปรเจกต์ใหม่ที่มีศักยภาพสูง
2. Flockerz ($FLOCK) : เหรียญมีมของประชาชน
Flockerz เป็นเหรียญมีมที่โดดเด่นด้วยระบบ vote-to-earn ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ถือโทเคนมีสิทธิ์โหวตลงคะแนนเสียงกำหนดทิศทางของโปรเจกต์ พร้อมรับรางวัลจากการมีส่วนร่วม
จนถึงขณะนี้ Flockerz ระดมทุนได้เกือบ 2 ล้านดอลลาร์ โดยราคาโทเคนอยู่ที่เพียง $0.006053 เท่านั้น เหรียญนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตควบคู่ไปกับการสร้างชุมชนที่แข็งแกร่ง
3. Crypto All-Stars ($STARS) : เหรียญมีมที่มาพร้อมระบบ Staking
Crypto All-Stars เป็นระบบนิเวศที่นำเสนอการ staking โทเคนในรูปแบบใหม่สำหรับเหรียญมีมผ่าน MemeVault Network ที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้แฟนๆ เหรียญมีมได้ง่ายขึ้น
โปรเจกต์นี้ระดมทุนได้เกือบ 4 ล้านดอลลาร์ โดยราคาโทเคนอยู่ที่ $0.0015806 นี่ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโปรเจกต์ที่ให้ผลตอบแทนระยะยาว
คุณสามารถเข้าไปถึงเหรียญ ICO เหล่านี้ได้ผ่านแอปฯ Best Wallet นอกจากนี้ยังสามารถซื้อโทเคน $BEST ที่ขายให้เฉพาะผู้ใช้งานของ Best Wallet เท่านั้น
บทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์เหรียญคริปโตเคอร์เรนซีเท่านั้น ทางผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด คริปโตเคอร์เรนซี และ โทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
<strong>บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์</strong>