ย้อนกลับไปในปี 2016 คดีกระฉ่อนโลกคริปโตอย่างการขโมย Bitcoin จำนวน 120,000 BTC จากเว็บเทรด Bitfinex ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ที่ส่งผลให้ทั้งอุตสาหกรรมต้องเกิดความโกลาหล แต่แล้วเจ้าหน้าที่ IRS รายหนึ่งก็สามารกู้สถานการณ์และตามรอย Bitcoin กลับมาได้ด้วยคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง
คอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าวคือ โน้ตบุ๊ก (laptop) MacBook Pro ของเจ้าหน้าที่ Chris Janczewski ที่สามารถตามรอยได้จนเจอและคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าวกำลังถูกส่งมอบให้กับสถาบันสมิธโซเนียน (Smithsonian) ที่เป็นทั้งเครือพิพิธภัณฑ์และสถาบันวิจัย และถูกนำมาเก็บไว้เป็นคอลเลกชัน
Ellen Feingold ภัณฑารักษ์ของสถาบัน ได้กล่าวถึงโน้ตบุ๊กเครื่องนี้ว่าเป็น “วัตถุที่ทรงคุณค่า” ซึ่งสะท้อนทั้งวิวัฒนาการของคริปโตเคอร์เรนซีและการก่ออาชญากรรมในยุคดิจิทัล พร้อมย้ำว่าโน้ตบุ๊กดังกล่าวจะช่วยให้เราเข้าใจความเปลี่ยนแปลงในโลกการเงินยุคใหม่ได้ดียิ่งขึ้น
โน้ตบุ๊กเครื่องนี้มีกำหนดจัดแสดงในนิทรรศการ The Value of Money ภายในปี 2024 ซึ่งนอกจากจะเป็นไฮไลต์สำคัญในงานแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับคดีที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่าเป็น “การยึดทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์” จากการแฮ็ก 120,000 BTC ของเว็บเทรด Bitfinex ที่กลายเป็นตำนานแห่งโลกคริปโต
ทั้งนี้ไอเดียการนำคอมพิวเตอร์ของ Janczewski มาจัดแสดงเป็นความคิดของผู้พิพากษา Zia Faruqui ที่ได้ส่งหนังสือไปยัง หน่วยงานคอลเลกชันเหรียญแห่งชาติ (NNC) และร้องขอให้ทำการจัดแสดงเพื่อให้ผู้คนตระหนักรู้ถึงคดีของ Bifinex ที่ได้เกิดขึ้น โดยหน่วยงานดังกล่าวมีการสะสมวัตถุที่เกี่ยวข้องกับการเงินมาแล้วกว่า 1.6 ล้านชิ้น ซึ่งมีตั้งแต่สมัยยุคเมโสโปเตเมียเลยทีเดียว
Feingold ยังอธิบายด้วยว่า การที่ Bitcoin มีรูปแบบเป็นดิจิทัลจึงทำให้ไม่บ่อยนักที่จะมีวัตถุเป็นชิ้นเป็นอันที่จะสามารถนำมาจัดแสดงได้ ซึ่งแทนที่จะสะสมตัวเงินคริปโตโดยตรง พวกเขาเลือกสะสมวัตถุที่สะท้อนวิธีที่ผู้คนแปลงสิ่งที่เป็นดิจิทัลให้จับต้องได้ เช่น Bitcoin Magazine, Bitcoin แบบกายภาพที่เคยมีโฮโลแกรมเก็บ Private Key (แต่ถูกถอดออกก่อนบริจาค) และเครื่องประดับ 3D-printed เช่น “แหวนหมั้น Bitcoin” ที่สลักสัญลักษณ์ “B” พร้อม QR Code เชื่อมกับกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งแหวนนี้ยังแสดงถึงการปฏิเสธแนวคิดดั้งเดิมของแหวนเพชร สะท้อนจิตวิญญาณนอกกรอบแบบเดียวกับคริปโตเคอร์เรนซีเอง
ที่มา : Cointelegraph