<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ตลาดคริปโตเดือด! Bitcoin ทำ ATH ใหม่ ขณะโปรเจกต์ Flockerz ระดมทุนทะลุเป้า

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หลังจากที่ Flockerz ($FLOCK) สามารถทำยอดระดมทุนทะลุ 2 ล้านดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ยังคงได้รับเงินลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 10% ในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งส่งผลให้มียอดระดมทุนรวมสูงกว่า 2.2 ล้านดอลลาร์ในขณะนี้

สำหรับใครก็ตาม ที่คิดว่า “ซื้อเมื่อราคาตก” และ “สะสมก่อนจะสายเกินไป” เป็นแค่คำพูดลอย ๆ ตอนนี้อาจจะต้องคิดหนัก เมื่อราคา Bitcoin ($BTC) พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดตลอดกาล โดยขณะนี้มีนักลงทุนหลายคนที่กำลังนำเงินไปลงทุนในเหรียญมีมใหม่ ซึ่งอาจจะมีโอกาสทำผลตอบแทนที่มีศักยภาพกว่า Bitcoin 

นี่คือเหตุผลที่ทำให้อุตสาหกรรมเหรียญมีม กำลังเข้าใกล้มูลค่ารวม 1.20 แสนล้านดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการเปิดตัวโทเค็นใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนผ่านแพลตฟอร์มเปิดตัวเหรียญมีมอย่าง Pump.fun ของ Solana

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีเหรียญมีมใดในตลาด ที่ใช้แนวทางเดียวกันกับ Flockerz ซึ่งมอบอำนาจการควบคุมโปรเจกต์อย่างเต็มรูปแบบไว้ในมือของชุมชน

โปรเจกต์เหรียญมีมส่วนใหญ่ ยังคงใช้ระบบอำนาจแบบเดิม ๆ โดยมีบุคคลเพียงไม่กี่คนที่มีอำนาจการตัดสินใจที่สำคัญ ซึ่งทำให้โปรเจกต์ดูเหมือนถูกดำเนินการโดยคนคนเดียวเป็นหลัก

ในทางตรงกันข้าม Flockerz กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ สำหรับการกำกับดูแลเหรียญมีม โดยกระตุ้นให้ชุมชน เข้ามาควบคุมทิศทางของโปรเจกต์อย่างเต็มที่ แนวทางที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนนี้ เป็นเพียงหนึ่งในเหตุผลที่อาจทำให้ Flockerz มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุน

ขณะนี้นักลงทุนสามารถซื้อโทเค็นได้ในราคา 0.0060772 ดอลลาร์ ก่อนที่ราคาจะปรับตัวขึ้นทีละเล็กน้อย ตลอดแคมเปญในช่วงโปรเจกต์เริ่มต้น

หากคุณพลาดโอกาสซื้อ Bitcoin ที่ราคา 16,000 ดอลลาร์ ไปแล้ว ก็ไม่น่าพลาด $FLOCK ในช่วงเริ่มต้นของโปรเจกต์

ใครก็ตามที่เคยตั้งหน้าตั้งตารอให้ตลาดฟื้นตัว ตอนนี้คุณสามารถพูดได้เต็มปากแล้วว่า ‘เห็นไหม ฉันบอกแล้ว’ เนื่องจาก Bitcoin กำลังจะเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรก ที่มีราคาพุ่งแตะหกหลัก

ไม่มีใครรู้สึกภาคภูมิใจไปได้มากกว่า ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล แห่งประเทศเอลซัลวาดอร์ ผู้ซึ่งทำให้บิทคอยน์ เป็นสกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ควบคู่ไปกับเงินดอลลาร์สหรัฐในประเทศของเขาเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา

ก่อนที่ชุมชนคริปโตจะหันมาให้ความสำคัญกับ Bitcoin อีกครั้ง ประเทศเอลซัลวาดอร์นั้นสามารถชำระหนี้สาธารณะมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้สำเร็จ ซึ่งดึงดูดความสนใจมากมายจากสถาบันการเงินรายใหญ่ อย่าง JPMorgan, Eaton Vance และ PGIM Fixed

ในขณะที่ Bitcoin กำลังเข้าใกล้เป้าหมายต่อไป ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล คงอดไม่ได้ที่จะเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลานี้ และพร้อมที่จะเปรยคำพูดใหม่ใส่บรรดาผู้ที่วิจารณ์เขาว่า “ผมบอกแล้วไง” 

สำหรับผู้ที่พลาดโอกาสในการซื้อ BTC ตอนที่ราคาลดลงไปต่ำถึง 16,000 ดอลลาร์ เมื่อ 2 ปีก่อนนั้น โอกาสดังกล่าวอาจจะหมดลงไปนานแล้ว

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนักลงทุนที่ชาญฉลาด จึงจะหันไปลงทุนในโทเค็นอื่น ๆ ที่อาจจะสามารถให้ผลตอบแทนที่รวดเร็วว่า

ในขณะที่เหรียญมีมใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาท่วมตลาด และมีโปรเจกต์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกนาที แต่เหรียญส่วนใหญ่ ก็เป็นเพียงเหรียญที่ลอกเลียนแบบโทเค็นกระแสหลัก และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เหรียญเหล่านี้มักจะถูกควบคุมโดยบุคคลเพียงคนเดียวหรือกลุ่มเล็กๆ กลุ่มเดียวเท่านั้น

สิ่งที่ทำให้โปรเจกต์เหรียญมีมใหม่ใน Flockerz นั้นแตกต่างก็คือ แนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ของเหรียญ นั่นคือ การมอบอำนาจกลับคืนสู่ชุมชน และอนุญาตให้พวกเขามีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของโปรเจกต์ผ่านกลไก Vote-to-Earn (V2E) เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม

กลไก V2E จะปลดล็อกผลตอบแทนที่มีศักยภาพ สำหรับผู้ถือ $FLOCK

เป็นที่รู้กันว่า สกุลเงินดิจิทัลเป็นสัญลักษณ์ของการกระจายศูนย์อำนาจ และ Bitcoin ก็ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นเงินแบบกระจายอำนาจ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า บิทคอยน์กำลังทำหน้าที่นี้ได้อย่างเต็มที่ แม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังคงทำหน้าที่นั้นต่อไปโดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของผู้สร้างที่ใช้นามแฝงว่า ซาโทชิ นาคาโมโตะ

อย่างไรก็ตาม โปรเจกต์ใหม่ๆ โดยเฉพาะเหรียญมีม นั้นสูญเสียเอกลักษณ์นี้ไปในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการเปิดตัวสินทรัพย์ใหม่ ๆ ที่ทำได้ง่าย โดยไม่ต้องใช้ความพยายามในการเขียนโค้ดมากนัก

ปัญหาของการใช้วิธีการที่เรียบง่ายนี้ ในการนำเหรียญมีมมาใช้ก็คือ มันอาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ไม่หวังดี ซึ่งในช่วงการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ร้อนระอุก่อนหน้านี้ เหรียญมีมการเมือง ใหม่ ๆ จำนวนมาก เป็นเพียงการหลอกล่อผู้ใช้งานใน Ethereum และ Base เพื่อหาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าเงินของผู้สร้างเหรียญเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม Flockerz กำลังเปลี่ยนเกม ด้วยการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ผ่านโมเดล Vote-to-Earn (V2E) ซึ่งมีการให้รางวัลแก่สมาชิกด้วยโทเค็น $FLOCK สำหรับการมีส่วนร่วม ในการตัดสินใจสำคัญเกี่ยวกับทิศทางของโปรเจกต์

ด้วยแนวทางการมอบการควบคุมให้กับชุมชน และจ่ายค่าตอบแทนสำหรับการมีส่วนร่วมของพวกเขา Flockerz จึงได้รับฉายาว่าเป็น “เหรียญมีมของประชาชน” โดยแนวทางที่สร้างสรรค์นี้ ดึงดูดความสนใจจากผู้มีอิทธิพลในวงการเหรียญคริปโตยอดนิยม อย่าง ClayBro ซึ่งเขาเชื่อว่า Flockerz อาจมีศักยภาพในการเติบโต ท่ามกลางการฟื้นตัวของเหรียญมีมในขณะนี้

ก้าวสู่จุดหมายถัดไปของ Flockerz ที่ 3 ล้านดอลลาร์

หลังจากที่พลาดโอกาสในการซื้อ Bitcoin ตอนช่วงที่ยังเป็นเพียงคำมั่นสัญญาในการกระจายอำนาจทางการเงินตอนนั้น กลับกลายเป็นช่วงเวลาแห่งคำพูดที่ว่า “รู้งี้ซื้อไว้ก็ดี” ในตอนนี้

ตอนนี้ Flockerz สัญญาว่า จะกระจายอำนาจในการกำกับดูแลภายในโปรเจกต์เหรียญมีมผ่านโมเดล Vote-to-Earn (V2E) และหากพลาดโอกาสในโมเดลดังกล่าวไป ก็อาจจะกลายเป็นความผิดพลาดที่ซ้ำรอยแบบเดียวกับบิทคอยน์ได้อีกครั้งก็ได้

เรามักจะเสียใจกับโอกาสที่เราไม่ได้คว้าเอาไว้ โดยปัจจุบันนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก ได้เข้าร่วมโปรเจกต์ของ Flockerz  เห็นได้จากยอดระดมทุนกว่า 2.2 ล้านดอลลาร์แล้วในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์

หากต้องการเข้าร่วมก่อนที่ Flockerz จะทะลุ 3 ล้านดอลลาร์ คุณสามารถซื้อโทเค็น $FLOCK ของคุณได้ง่าย ๆ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของโปรเจกต์ จากนั้นเชื่อมต่อกระเป๋าเงินของคุณ (เช่น Best Wallet) และซื้อ $FLOCK โดยใช้  ETH, BNB, USDT หรือบัตรธนาคาร

แต่ยังไม่หมดแค่นั้น นักลงทุนยังสามารถนำโทเค็นของตนไปทำการ stake และรับผลตอบแทนสูงถึง 919% APY ซึ่งเป็นวิธีที่รวดเร็ว ในการเพิ่มอำนาจการโหวตลงคะแนนในโปรเจกต์

Flockerz ให้ความสำคัญกับความโปร่งใส และความปลอดภัย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ Coinsult และ SolidProof ได้ทำการตรวจสอบสัญญา Smart contract ของโปรเจกต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สามารถติดตามข่าวสารล่าสุดได้ โดยเข้าร่วมกับชุมชน Flockerz บน X และ Telegram

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ สำหรับโปรเจกต์เริ่มต้นของ Flockerz

บทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์เหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่เท่านั้น ทางผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด คริปโทเคอร์เรนซี และ โทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์