<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

BlackRock จุดชนวน! หลังออกมาบอก ‘ไม่มีการการันตี’ ว่ากฎ 21 ล้านเหรียญของ Bitcoin จะไม่ถูกเปลี่ยนแปลง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ดูเหมือนว่าประเด็นเกี่ยวกับการจำกัดจำนวน Bitcoin ที่ 21 ล้านเหรียญจะกลับมาเป็นที่ถกเถียงอีกครั้ง หลัง BlackRock ได้เผยแพร่วิดีโออธิบาย Bitcoin ความยาว 3 นาที โดยมีข้อความระบุว่า “ไม่มีการการันตี” ว่าขีดจำกัดนี้จะไม่มีวันถูกเปลี่ยนแปลง

วิดีโอนี้เผยแพร่เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยกล่าวถึง Bitcoin ว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Bitcoin มีมูลค่าในฐานะสินทรัพย์เก็บรักษามูลค่า (store of value) พร้อมทั้งระบุว่ากฎที่ฝังอยู่ในโค้ดช่วยควบคุมอุปทานและหลีกเลี่ยงการพิมพ์เงินเพิ่ม ทว่าข้อความในวิดีโอกลับมีระบุเพิ่มว่า “ไม่มีการการันตีว่าขีดจำกัดนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”

https://twitter.com/saylor/status/1869132349465829799

ไม่นานหลังจากนั้น Michael Saylor ประธานบริษัท MicroStrategy ผู้สนับสนุน Bitcoin ก็ได้แชร์วิดีโอนี้ต่อ ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่า Bitcoin อาจไม่ใช่สินทรัพย์ที่มีจำกัดอย่างแท้จริง

โดย Joel Valenzuela จาก Dashpay ได้ให้ความเห็นในเชิงเสียดสีว่า “ถ้าการเพิ่มขีดจำกัดอุปทานเกิดขึ้น วันนั้นจะมีคนบอกว่านี่คือแผนที่มีมาตั้งแต่ต้น” ในขณะที่นักพัฒนา Ethereum ที่ใช้ชื่อว่า Antiprosynthesis กล่าวเสริมว่า “BlackRock เข้าใจ Bitcoin ดีกว่าผู้สนับสนุน Bitcoin เองเสียอีก”

https://twitter.com/TheDesertLynx/status/1869445485548671270
https://twitter.com/antiprosynth/status/1869491118066528290

ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ผู้พัฒนา Bitcoin อย่าง Super Testnet กลับให้ความเห็นว่าความสามารถในการเปลี่ยนแปลงขีดจำกัดอุปทานของ Bitcoin ขึ้นอยู่กับว่าเรานิยาม “Bitcoin” ว่าอย่างไร 

โดยในทางทฤษฎี การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถทำได้หากมีการบรรลุฉันทามติจากกลุ่มคนในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา ผู้ ขุด และผู้ใช้งาน ผ่านการทำฮาร์ดฟอร์กอย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้จะนำไปสู่การสร้างเครือข่าย Bitcoin ใหม่ที่ไม่ได้มีลักษณะเป็น “Bitcoin” ตามที่ระบุในสมุดปกขาวของ Satoshi Nakamoto อีกต่อไป 

“การจำกัดอุปทานเป็นสิ่งที่นิยามความเป็น Bitcoin หากตัดออกไป สิ่งที่เหลือจะไม่ใช่ Bitcoin”

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของ Bitcoin ได้เคยเกิดการต่อต้านในช่วงสงคราม Blocksize ปี 2016-2017 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่ยึดมั่นในแนวคิดดั้งเดิม และนักพัฒนาก็ได้หันไปพัฒนาโซลูชัน Layer-2 เพื่อแก้ปัญหาแทนการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างพื้นฐานหลัก

ที่มา: Cointelegraph