ดูเหมือนว่า MicroStrategy อาจจะต้องหยุดซื้อ Bitcoin (BTC) ชั่วคราว หลังมีข่าวลือเกี่ยวกับข้อจำกัดช่วง Blackout ที่ส่งผลต่อการออกหุ้นหรือหนี้แปลงสภาพ ที่ส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุน
จากข่าวลือระบุว่า Michael Saylor ประธานบริหารของบริษัท อาจต้องเผชิญข้อจำกัดในเดือนมกราคม 2025 เพราะพวกเขาไม่สามารถออกหนี้แปลงสภาพเพื่อใช้เป็นทุนในการซื้อ Bitcoin เพิ่มเติมได้ ในขณะที่ข้อจำกัดนี้มักเป็นนโยบายที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งขึ้นเอง เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือหลีกเลี่ยงภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสม
นักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่า ข้อจำกัดนี้อาจเกี่ยวข้องกับกฎระเบียบด้านการซื้อขายภายใน (Insider Trading) ซึ่งหลายบริษัทมักกำหนดช่วง Blackout หลังปิดไตรมาสการเงิน โดยอาจกินเวลาถึงหนึ่งเดือนและสิ้นสุดหลังการประกาศผลประกอบการไม่นาน ขณะที่อีกฝ่ายมองว่าข้อจำกัดอาจใช้เฉพาะกับการขายหุ้นแบบ “at-the-market” (ATM) และไม่ได้ส่งผลต่อการออกหนี้แปลงสภาพ
อีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อมโยงกับการที่ MicroStrategy ได้ถูกรวมอยู่ในดัชนี NASDAQ 100 ซึ่งอาจมีข้อแนะนำภายในให้บริษัทจำกัดกิจกรรมการเงินบางประเภทในช่วงนี้ ทั้งนี้ MicroStrategy คาดว่าจะประกาศผลประกอบการครั้งถัดไประหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2025
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายมองว่าผลกระทบของช่วง Blackout นั้นอาจไม่ได้มีนัยสำคัญ เนื่องจาก MicroStrategy แสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจผ่านการยื่นเอกสาร 8K และแถลงข่าวอย่างสม่ำเสมอ
โดยปัจจุบัน MicroStrategy มี Bitcoin ถือครองไว้ทั้งหมดกว่า 46.02 พันล้านดอลลาร์ และมีกำไรที่ยังไม่รับรู้ถึง 18.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว บริษัทได้ซื้อ Bitcoin มูลค่ากว่า 3 พันล้านดอลลาร์ที่ราคาสูงกว่า 100,000 ดอลลาร์ สะท้อนถึงความมั่นใจใน Bitcoin
ในขณะที่ราคาหุ้นของ MicroStrategy (MSTR) เพิ่มขึ้นถึง 460% ตั้งแต่ต้นปี สร้างความโดดเด่นให้บริษัทเป็นหนึ่งใน 100 บริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าสูงสุดในสหรัฐฯ และยังมีข่าวลือว่าอาจถูกพิจารณาให้รวมในดัชนี S&P 500 ในปีหน้า แม้จะมีข้อจำกัดในระยะสั้น แต่การถือครอง Bitcoin จำนวนมหาศาลและการเติบโตของหุ้น MSTR ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวของคริปโตเคอร์เรนซี
ที่มา: Coinpaprika