DWF Labs บริษัทลงทุนด้านคริปโตชั้นนำเปิดเผยรายงานที่ระบุว่า เหรียญมีม กำลังเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีการสร้าง รับรู้ และถ่ายโอนมูลค่าในตลาดปัจจุบัน
ในรายงานที่เผยแพร่ผ่าน Cointelegraph บริษัทได้กล่าวถึงเหรียญมีมว่าเป็นสินทรัพย์ที่แตกต่างจากสินทรัพย์การเงินแบบดั้งเดิม ที่สามารถรวมเอา พลวัตทางสังคม นวัตกรรมทางเทคโนโลยี และจิตวิทยาตลาด เข้าไว้ด้วยกัน
“สิ่งที่เริ่มต้นจากการเสียดสีวงการคริปโตด้วย Dogecoin ได้พัฒนากลายเป็นตลาดที่ซับซ้อนและดึงดูดการลงทุนจำนวนมาก รวมถึงความสนใจจากสถาบัน”
DWF Labs ยังเน้นว่า เหรียญมีมสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในวิธีการลงทุน การสร้างความมั่งคั่ง และการสร้างชุมชนของคนรุ่นใหม่ โดยในปี 2024 มูลค่าตลาดรวมของเหรียญมีมเติบโตขึ้นอย่างมาก ซึ่งจากข้อมูลของ CoinMarketCap ชี้ว่ามูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นจาก 20 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม เป็น 120 พันล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม คิดเป็นการเติบโตกว่า 500%
รายงานยังกล่าวถึงบทบาทของ Blockchain ในการพลิกโฉมรูปแบบการเสนอขายหลักทรัพย์แบบดั้งเดิม ที่ก่อนหน้านี้บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องมีประวัติการดำเนินงาน การเติบโตของรายได้ และการควบคุมทางการเงินที่ชัดเจน แต่เทคโนโลยี Blockchain กลับช่วยลดเวลาและต้นทุนในการเปิดตัวสินทรัพย์ที่สามารถซื้อขายได้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงตลาดทุนได้ง่ายขึ้น
DWF Labs ระบุว่าโครงสร้างพื้นฐานของคริปโตได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการสร้างและกระจายสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้ตลาดตอบสนองได้เร็วขึ้นและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น “การเปลี่ยนแปลงจากตลาดทุนแบบดั้งเดิมสู่การสร้างมูลค่าที่ใช้คริปโตเป็นตัวกลาง เป็นการปฏิรูปครั้งสำคัญของวิธีการระดมทุนและขยายตัวของแนวคิดใหม่ๆ”
สำหรับแนวโน้มเหรียญมีมในปี 2025 Andrei Grachev ผู้จัดการใหญ่ของ DWF Labs คาดว่าธีมเหรียญเกี่ยวกับสัตว์น่ารัก เช่น สุนัขและแมว จะยังคงครองความนิยมต่อไป แต่ความน่าสนใจจะอยู่ที่การนำเสนอเรื่องราวใหม่ๆ ที่สะท้อนวัฒนธรรมคริปโตที่พัฒนาขึ้น
นอกจากนี้ Grachev ยังชี้ว่าปี 2025 อาจเป็นปีที่คริปโตผสานกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเหรียญมีมที่เกี่ยวข้องกับ AI หรือ “Agentic Memecoins” อาจเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามอง รวมถึงธีมที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมือง บุคคลสำคัญ หรือเรื่องราวที่ยังไม่ได้รับการพูดถึงในวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ต
แม้ว่าเหรียญมีมจะมีการเติบโตในปีที่ผ่านมา แต่การเพิ่มขึ้นของมูลค่าตลาดก็เริ่มชะลอตัวในเดือนธันวาคม โดยมูลค่าตลาดรวมเคยแตะ 137 พันล้านดอลลาร์ แต่ลดลงเหลือ 92 พันล้านดอลลาร์ภายในวันที่ 23 ธันวาคม ก่อนที่จะฟื้นตัวมาอยู่ที่ 98 พันล้านดอลลาร์ในวันที่ 29 ธันวาคม ลดลง 18% จากต้นเดือนธันวาคม
ที่มา: Cointelegraph