กรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS) ประกาศเลื่อนการบังคับใช้กฎใหม่เกี่ยวกับการรายงานภาษีคริปโตไปเป็นวันที่ 1 มกราคม 2026 การเลื่อนกฏครั้งนี้จะช่วยให้แพลตฟอร์มกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลมีเวลาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปีในการเตรียมระบบให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติตามกฎใหม่
กฎระเบียบการรายงานภาษีที่ปรับปรุงใหม่จะเน้นไปที่วิธีการกำหนดต้นทุนฐาน ของสินทรัพย์คริปโตที่ถือไว้บนแพลตฟอร์มกระดานแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์
ตามแนวทางใหม่นี้ หากนักลงทุนไม่ได้ระบุวิธีการคำนวณต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมของตัวเอง IRS จะใช้วิธี “ขายของเก่าก่อน” หรือ First-In, First-Out (FIFO) เป็นค่าเริ่มต้น
วิธีนี้หมายความว่าสินทรัพย์ที่ซื้อมาก่อนจะถูกนับว่าเป็นสินทรัพย์ที่ขายออกไปก่อน ซึ่งอาจส่งผลต่อจำนวนภาษีที่นักลงทุนต้องจ่าย
ตอบโจทย์ข้อกังวลของนักลงทุนคริปโต
การเลื่อนการบังคับใช้กฎรายงานภาษีในครั้งนี้เกิดขึ้น หลังมีเสียงสะท้อนจากผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีว่า โบรกเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัลหลายรายยังไม่พร้อมที่จะปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
ปัจจุบัน โบรกเกอร์หลายรายในสหรัฐฯ ยังไม่มีระบบที่รองรับการเลือกหน่วยคริปโตที่ต้องการขายได้อย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญสำหรับการรายงานภาษีที่แม่นยำ
เดิมที กฎนี้มีกำหนดเริ่มใช้ในปี 2025 โดยบังคับให้โบรกเกอร์ต้องรายงานต้นทุนของสินทรัพย์คริปโตที่ขายบนแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์
แต่การเลื่อนออกไปช่วยให้นักลงทุนมีเวลาวางแผนวิธีการคำนวณภาษีได้ดีขึ้น และเปิดโอกาสให้โบรกเกอร์พัฒนาระบบให้พร้อมรองรับข้อกำหนดใหม่ได้อย่างสมบูรณ์
ผลกระทบของการเก็บภาษีคริปโตในภาพรวม
ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS) ได้ออกแนวทางใหม่สำหรับการเก็บภาษีธุรกรรมคริปโต โดยเลื่อนการบังคับใช้กฎบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเงินแบบกระจายศูนย์ ( DeFi) และผู้ให้บริการกระเป๋าเงิน Non-hosted Wallet แนวทางนี้แสดงให้เห็นว่า IRS เข้าใจถึงความซับซ้อนในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงปัญหาที่โบรกเกอร์และผู้เสียภาษีอาจต้องเจอ
ต่อมาในเดือนสิงหาคม IRS ได้เปิดตัวแบบฟอร์มภาษี 1099-DA เวอร์ชันใหม่ที่ถูกปรับปรุง โดยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้งาน เช่น การลบข้อมูลสำคัญอย่างที่อยู่กระเป๋าเงินและรหัสธุรกรรม นับเป็นความคืบหน้าสำคัญในการจัดการกับปัญหาความปลอดภัยของข้อมูล
จนถึงเดือนธันวาคม IRS ได้สรุปกฎการรายงานภาษีสำหรับแพลตฟอร์ม DeFi โดยปรับให้ใกล้เคียงกับมาตรฐานการรายงานสินทรัพย์ในตลาดการเงินแบบดั้งเดิม การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งาน DeFi ปฏิบัติตามกฎระเบียบได้ง่ายขึ้น และทำให้การรายงานเป็นไปในทิศทางเดียวกับระบบการเงินทั่วไป
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า IRS พยายามปรับตัวให้เข้ากับโลกคริปโต เพื่อให้การกำกับดูแลมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งลดภาระความยุ่งยากของผู้เสียภาษีในเวลาเดียวกัน
ที่มา:Franknez