<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin สัมพันธ์กับหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ สูงสุดในรอบ 2 ปี หลังข้อมูลเงินเฟ้อหนุนตลาดคริปโต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ความสัมพันธ์ระหว่าง Bitcoin และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา ได้เพิ่มสูงขึ้นจนแตะระดับสูงสุดในรอบสองปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลในเชิงบวกต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม

โดยปกติแล้ว เมื่อเราพูดถึง “ความสัมพันธ์” ในตลาดการเงิน เราจะใช้สิ่งที่เรียกว่า “สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์” (correlation coefficient) ในการวัดค่า ซึ่งมีค่าตั้งแต่ -1 ถึง 1 หากค่าเท่ากับ 1 หมายความว่า สินทรัพย์สองชนิดเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันอย่างสมบูรณ์ หากค่าเท่ากับ -1 หมายความว่า สินทรัพย์สองชนิดเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามอย่างสมบูรณ์ และหากค่าเท่ากับ 0 หมายความว่า สินทรัพย์สองชนิดไม่มีความสัมพันธ์กัน

ในกรณีนี้ Bitcoin และหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ มีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อยู่ที่ 0.70 ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ซึ่งถือว่ามีความสัมพันธ์กันในระดับที่ค่อนข้างสูง หมายความว่า เมื่อราคาหุ้นเทคโนโลยีปรับตัวสูงขึ้น ราคา Bitcoin ก็มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย เช่นเดียวกันหากราคาลดลงทั้งสองก็มีแนวโน้มที่จะไปในทิศทางเดียวกัน

การปรับตัวขึ้นของทั้งตลาดหุ้นและคริปโตฯ เกิดขึ้นหลังจากการประกาศรายงานเงินเฟ้อจากสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ (Bureau of Labor Statistics) ซึ่งรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อรายปีอยู่ที่ 2.9% ซึ่งเป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้ในการวัดอัตราเงินเฟ้อ โดยวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคทั่วไปซื้อ

นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาสินค้าที่มีความผันผวนสูง เช่น อาหารและพลังงาน อยู่ที่ 3.2% ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อยที่ 3.3% แม้ว่าเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แต่เงินเฟ้อพื้นฐานกลับลดลง ซึ่งนักวิเคราะห์จาก Kobeissi Letter มองว่าเป็น “สถานการณ์ที่ค่อนข้างซับซ้อนสำหรับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)”

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีบทบาทสำคัญในการควบคุมเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมีผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก ตลาดคริปโตฯ และหุ้นเทคโนโลยีจึงจับตาดูการตัดสินใจของ Fed เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ที่กำลังจะมาถึงอย่างใกล้ชิด

นอกจากปัจจัยด้านเงินเฟ้อแล้ว นักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่า การเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคม อาจส่งผลกระทบต่อราคาคริปโตฯ ในเชิงบวกได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม กิจกรรมการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ในตลาดคริปโตฯ ก็เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งบ่งบอกว่านักลงทุนบางส่วนยังคงกังวลเกี่ยวกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงก่อนและหลังพิธีสาบานตน

ที่มา: cryptopolitan