Ethereum (ETH) กำลังแสดงสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง หลังนักวิเคราะห์ออกมาคาดการณ์ว่ามีตัวชี้วัดทางเทคนิคที่บ่งชี้ว่าราคาเหรียญอาจพุ่งขึ้นอีกครั้ง และอาจพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดใหม่ตลอดกาล (ATH) ในเดือนมีนาคมนี้ โดยมีเป้าหมายสูงกว่า 4,880 ดอลลาร์
ในการวิเคราะห์ล่าสุดของ TedPillows เขาระบุว่า Ethereum ได้เข้าสู่ช่วงขยายตัวระยะสั้นหลังจากช่วงสะสมและการเคลื่อนไหวของตลาดที่ถูกควบคุม ซึ่งการทะลุแนวต้านออกจากช่วงสะสมนี้ถือเป็นสัญญาณว่าราคาอาจกำลังเข้าสู่ช่วงพุ่งขึ้นที่สำคัญ ซึ่งอาจนำไปสู่ระดับสูงสุดใหม่
โดยตอนนี้ ETH กำลังเคลื่อนไหวตามรูปแบบ “การสะสมและขยายตัว” ซึ่งเป็นพฤติกรรมของราคาที่มักเกิดขึ้นเมื่อสินทรัพย์ดิจิทัลมีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบเป็นเวลานานก่อนที่ราคาจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ ETH ได้เข้าสู่ช่วงขยายตัวอย่างชัดเจน โดยโครงสร้างราคาสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น
หากการวิเคราะห์ของเขาถูกต้อง TedPillows เชื่อว่า ETH จะสามารถทะลุระดับ 3,800 ดอลลาร์ และอาจเกิดการทดสอบระดับ 4,000 ดอลลาร์ ในระยะสั้น รวมถึงมีโอกาสแตะ 4,500 ดอลลาร์ภายในเดือนมีนาคมนี้
สิ่งที่น่าสนใจคือ ความเชื่อมั่นของตลาดได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของตลาดคริปโตเคอเรนซีโดยรวม หลังจากที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ตลาดทั้งคริปโตและตลาดหุ้นฟื้นตัว นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายส่วนบุคคลของสหรัฐฯ (PCE) ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มของตลาดในอนาคต
อีกปัจจัยที่ช่วยหนุนแนวโน้มขาขึ้นของ Ethereum คือ การสะสมสินทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน รายงานจาก Finbold เปิดเผยว่า World Liberty Financial (WLFI) ของ Donald Trump ได้สะสมสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 420 ล้านดอลลาร์ โดยในจำนวนนี้เป็น Ethereum มูลค่ากว่า 210 ล้านดอลลาร์
โดยในจำนวนนี้เป็น Ethereum มูลค่ากว่า 210 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ข้อมูลออนเชนยังเผยให้เห็นว่ากลุ่มเจ้ามือคริปโตได้ซื้อ ETH มากกว่า 100,000 เหรียญในช่วงที่ราคาย่อตัว แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ “buy-the-dip” ของนักลงทุนรายใหญ่
ด้วยความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนทั้งสถาบันและรายใหญ่ Ethereum มีโอกาสที่จะรักษาแนวโน้มขาขึ้นได้ต่อไป หากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคยังคงเอื้ออำนวย นักลงทุนจึงจับตาดูว่า ETH จะสามารถทำสถิติใหม่ในเดือนมีนาคมได้หรือไม่
ทั้งนี้ บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ
ที่มา: Finbold