ช่วงนี้ตลาดคริปโตมีความผันผวนอย่างรุนแรง ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาด ต้องเผชิญกับภาวะขาดทุน หลายคนออกมาตัดพ้อผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมเผยถึงความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญ
ขณะที่นักลงทุนหน้าใหม่หลายคนกำลังเผชิญความเจ็บปวดจากตลาดขาลง นักเทรดมือเก๋ากลับมองว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายคริปโต พร้อมกับคำแนะนำที่ว่า
“หากอยากเก่ง ต้องผ่าน 3 Cycle ถึงจะแกร่ง”
3 Cycle ที่ว่านี้คืออะไร?
ในวงการคริปโต คำว่า “Cycle” มักหมายถึงรอบวัฏจักรของตลาดคริปโต ซึ่งมีลักษณะเป็นวัฏจักรที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ทุกไม่กี่ปี โดยแต่ละรอบจะประกอบไปด้วย 3 ช่วงสำคัญ ได้แก่
1. ช่วงตลาดขาขึ้น (Bull Market) – เป็นช่วงที่ราคาคริปโตพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง นักลงทุนหน้าใหม่มักเข้ามาในตลาดจำนวนมากเพราะเห็นโอกาสทำกำไรที่ง่าย ตลาดเต็มไปด้วยความคึกคัก ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลมักทำจุดสูงสุดใหม่ (All-Time High) และหลายคนเชื่อว่าตลาดจะขึ้นไปเรื่อยๆ
2. ช่วงตลาดขาลง (Bear Market) – หลังจากราคาพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง ตลาดก็มักจะเข้าสู่ช่วงปรับฐานครั้งใหญ่ นักลงทุนที่เข้ามาช่วงท้ายของขาขึ้นอาจต้องเผชิญกับภาวะขาดทุนหนัก ความหวังและความมั่นใจหายไปจากตลาด หลายคนตัดสินใจออกจากตลาด หรือยอมแพ้กับคริปโต
3. ช่วงตลาดไซด์เวย์ (Accumulation & Recovery) – เป็นช่วงที่ราคาคริปโตค่อยๆ ฟื้นตัวจากการปรับฐาน และเริ่มเข้าสู่กระบวนการสะสม นักลงทุนระยะยาวที่เข้าใจตลาดมักเริ่มเข้าซื้อสินทรัพย์ในช่วงนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรอบขาขึ้นถัดไป
ทำไมนักลงทุนต้องผ่าน 3 Cycle ถึงจะแกร่ง?
นักลงทุนที่อยู่รอดและประสบความสำเร็จในตลาดคริปโตมักต้องผ่านวัฏจักรตลาดขาขึ้นและขาลงหลายครั้ง เพื่อให้เข้าใจถึงธรรมชาติของตลาด การผ่าน 3 Cycle ช่วยให้เข้าใจถึงจังหวะการเข้าซื้อและขายที่ดีขึ้น รวมถึงเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในรอบก่อนๆ นอกจากนี้ นักลงทุนที่ผ่าน 3 Cycle มักมีมุมมองที่มั่นคงขึ้น ไม่หวั่นไหวกับความผันผวนระยะสั้น และสามารถวางกลยุทธ์ลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตลาดคริปโตไม่ใช่ทางรวยทางลัด
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ การขาดทุนครั้งแรกอาจเป็นเรื่องเจ็บปวด แต่ตลาดคริปโตมีวัฏจักรเป็นของตัวเอง และผู้ที่สามารถเรียนรู้และปรับตัวจากวัฏจักรเหล่านี้ได้ จะมีโอกาสอยู่รอดและเติบโตในระยะยาว