Arthur Hayes ผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX และหัวหน้าฝ่ายการลงทุนของ Maelstrom Fund ได้ออกมาแสดงความกังวลว่าการที่รัฐบาลสหรัฐฯ จัดทำคลังสำรอง Bitcoin อาจส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมมากกว่าผลดี เพราะอาจถูกใช้เป็น “อาวุธทางการเมือง” และอาจถูกขายทิ้งได้หากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งปี 2028
ในบล็อกโพสต์ล่าสุด Hayes ชี้ว่าการที่รัฐบาลถือครอง Bitcoin จะทำให้สินทรัพย์นี้กลายเป็นเครื่องมือในการซื้อขายทางการเมืองมากกว่าการลงทุนเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน พร้อมกล่าวว่า “เพียงแค่มีลายเซ็นบนกระดาษ ก็สามารถขาย Bitcoin ที่สำรองไว้ได้ 1 ล้าน BTC ในทันที”
แม้ว่าคลังสำรอง Bitcoin อาจทำให้ราคาพุ่งสูงในระยะแรก แต่สุดท้ายแล้วจะขึ้นอยู่กับแรงจูงใจทางการเมืองของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าจะซื้อเพิ่มหรือขายออก โดย Hayes ได้เตือนว่าหาก Donald Trump ไม่สามารถควบคุมเงินเฟ้อ ยุติสงคราม และแก้ปัญหาด้านอาหารได้ภายในปี 2026 พรรคเดโมแครตอาจได้รับแรงสนับสนุนและใช้ Bitcoin เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อลงโทษนักลงทุนที่สนับสนุน Trump
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับมุมมองของ Hayes เพราะบริษัท VanEck คาดการณ์ว่าการสำรอง Bitcoin อาจช่วยลดหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ได้ถึง 35% ภายในปี 2049 ในขณะที่ Michael Saylor เชื่อว่าการถือครอง Bitcoin จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเงินดอลลาร์และทำให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำในเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งศตวรรษที่ 21
นอกจากนี้ แนวคิดเกี่ยวกับคลังสำรอง Bitcoin ได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้นหลังจาก Trump ประกาศจัดตั้งคลังความมั่งคั่งแห่งชาติ ซึ่งวุฒิสมาชิก Cynthia Lummis ซึ่งเป็นผู้เสนอร่างกฎหมาย Bitcoin Reserve Bill ได้กล่าวว่าเป็น “เรื่องใหญ่” ที่ต้องจับตามอง
ที่มา: Cointelegraph