<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รายงาน Bernstein เผย! Strategy (MicroStrategy) อาจได้รับเงินเพิ่มกว่า 12.75 พันล้านดอลลาร์ จากกฎบัญชีใหม่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บริษัท MicroStrategy ซึ่งเพิ่งรีแบรนด์เป็น Strategy กำลังจะได้รับเงินเสริมงบดุลมูลค่า 12.75 พันล้านดอลลาร์ ตามรายงานการวิเคราะห์ของบริษัทวิจัยและนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ Bernstein

รายงานเผยว่า ในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา Strategy รายงานขาดทุนสุทธิ 670.8 ล้านดอลลาร์ โดยมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้นถึง 693% หรือประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าลดมูลค่าของ Bitcoin ที่ถือครองอยู่ รวมมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ในปี 2023 ค่าลดมูลค่าดังกล่าวอยู่ที่เพียง 39.2 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ มกราคม 2025 บริษัทจะเริ่มใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ของ Financial Accounting Standards Board (FASB) ซึ่งอนุญาตให้บันทึกมูลค่าของ Bitcoin ตามราคาตลาดได้จริง โดยก่อนหน้านี้ หากราคา Bitcoin ลดลง บริษัทต้องบันทึกขาดทุนทันที ทว่าถ้าราคาขึ้นจะยังไม่สามารถบันทึกกำไรได้จนกว่าจะขายออกไป แต่กฎใหม่นี้จะช่วยให้ Strategy สามารถรับรู้กำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงได้ ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่ากำไรสะสมเพิ่มขึ้น 12.75 พันล้านดอลลาร์

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นผลดีต่อ Strategy แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีที่อาจต้องจ่าย เนื่องจากมีกฎหมาย Inflation Reduction Act 2022 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการคำนวณภาษีของสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้บริษัทอาจต้องขอการยกเว้นจาก IRS (Internal Revenue Service)

โดยหลังจากที่ Strategy รายงานขาดทุนสุทธิ ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลง 3.3% หลังจากรายงานผลประกอบการ แต่กลับเพิ่มขึ้น 1.4% ในช่วงพรีมาร์เก็ต นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดตัวโลโก้ใหม่ที่มีสัญลักษณ์ “₿” เพื่อสื่อถึงกลยุทธ์ที่เน้น Bitcoin เป็นหลัก พร้อมทั้งเปลี่ยนสีแบรนด์เป็นสีส้ม ซึ่งหมายถึงพลังงาน ความฉลาด และ Bitcoin

อย่างไรก็ตาม Strategy รายงานผลตอบแทนจากการถือครอง Bitcoin เพิ่มขึ้นถึง 74.3% ในปี 2024 และได้ตั้งเป้าหมายใหม่คือ BTC Gain และ BTC $ Gain โดยตั้งเป้าว่าจะทำ BTC $ Gain ได้ถึง 10 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2025

นอกจากนี้ Strategy มีแผน “21/21” ที่เปิดตัวเมื่อไตรมาส 3 ปี 2024 โดยตั้งเป้าหาเงินทุน 21 พันล้านดอลลาร์ จากการออกหุ้น และ 21 พันล้านดอลลาร์ จากการกู้ยืม ระหว่างปี 2025-2027 ปัจจุบันบริษัทใช้เงินไปแล้ว 20 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึง 16.7 พันล้านดอลลาร์ จากหุ้น, 3 พันล้านดอลลาร์ จากตราสารหนี้แบบแปลงสภาพ และ 600 ล้านดอลลาร์ จากหุ้นบุริมสิทธิ

ในขณะที่บริษัทตั้งเป้าให้อัตราหนี้สินอยู่ที่ 20-30% แต่ปัจจุบันยังอยู่ที่ 15% โดยมีหนี้แปลงสภาพคงค้าง 6.2 พันล้านดอลลาร์ ที่จะครบกำหนดในปี 2028 ซึ่งหมายความว่าบริษัทยังสามารถกู้เพิ่มเพื่อขยายพอร์ต Bitcoin ได้

ที่มา: TheBlock