ในตอนนี้รัฐเคนทักกีกลายเป็นรัฐที่ 16 ของสหรัฐอเมริกาที่เสนอร่างกฎหมายสำหรับการสำรอง Bitcoin ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับรัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยร่างกฎหมาย KY HB376 ได้ถูกเสนอโดย Theodore Joseph Roberts สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐเคนทักกีเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และถ้าหากว่าผ่านการอนุมัติ กฎหมายนี้จะเปิดทางให้ State Investment Commission สามารถจัดสรรเงินสำรองส่วนเกินของรัฐได้สูงสุดถึง 10% ไปยังสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึง Bitcoin
“จำนวนเงินสำรองส่วนเกินที่ลงทุนภายใต้ข้อกำหนด (9)(k), (l) และ (m) ไม่ควรเกิน 10% ของจำนวนเงินสำรองส่วนเกินทั้งหมด ณ เวลาที่ทำการลงทุน”
แม้ร่างกฎหมายจะไม่ได้ระบุชื่อของคริปโตเคอร์เรนซีที่สามารถลงทุนได้โดยตรง แต่ได้กำหนดเกณฑ์ว่าสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวต้อง ไม่ใช่ stablecoin และต้องมีมูลค่าตลาดเกิน 750 พันล้านดอลลาร์ เฉลี่ยในช่วงปีปฏิทินก่อนหน้า ซึ่งหมายความว่า Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลเพียงตัวเดียวที่ผ่านเกณฑ์นี้ ด้วยมูลค่าตลาดที่อยู่ที่ประมาณ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่ Ethereum มีมูลค่าตลาดราว 330 พันล้านดอลลาร์ และยังต้องเติบโตมากกว่าสองเท่าจึงจะเข้าเกณฑ์
ทำให้รัฐเคนทักกีจึงเป็นรัฐล่าสุดที่เข้าร่วมรายชื่อรัฐที่สนับสนุนการจัดตั้งทุนสำรอง Bitcoin โดยก่อนหน้านี้มีรัฐเช่น Arizona, Alabama, Florida, Massachusetts, Missouri, New Hampshire, North Dakota, South Dakota, Ohio, Oklahoma, Pennsylvania, Texas, Utah, Kansas และ Wyoming ได้เสนอแนวคิดในลักษณะเดียวกัน
ในขณะที่ Anndy Lian ผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนและนักเขียน กล่าวว่า การที่รัฐเคนทักกีเข้ามาพิจารณากฎหมายนี้อาจเป็นต้นแบบให้กับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในการพิจารณาจัดตั้งทุนสำรอง Bitcoin ระดับประเทศ โดยเขากล่าวว่า
“หากเคนทักกีดำเนินการต่อไป จะเป็นเหมือนแผนที่นำทางให้รัฐอื่นๆ ปฏิบัติตาม และหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง SEC, Fed และสภาคองเกรส อาจต้องพิจารณาว่า Bitcoin ควรถูกจัดประเภทเป็นอะไร—สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity), หลักทรัพย์ (Security) หรือเป็นสินทรัพย์รูปแบบใหม่โดยสิ้นเชิง ซึ่งอาจนำไปสู่ความชัดเจนด้านกฎระเบียบที่เร็วขึ้น แต่ก็อาจทำให้เกิดกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันในแต่ละรัฐซึ่งซับซ้อนต่อการกำหนดนโยบายระดับชาติ”
อย่างไรก็ตาม Lian ยังเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของ Bitcoin ซึ่งหากราคาดิ่งลง อาจทำให้ประชาชนต้องรับภาระทางการเงินจากการตัดสินใจของรัฐ
แม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่ร่างกฎหมายนี้ก็ถือเป็น “สัญญาณแห่งความเชื่อมั่นครั้งใหญ่ใน Bitcoin” ที่อาจกระตุ้นให้เกิดการนำไปใช้ในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสถาบันการเงินและรัฐบาลของประเทศอื่นๆ
นอกจากนี้ Lian ยังชี้ให้เห็นว่าการยอมรับ Bitcoin ในระดับรัฐ ว่าไม่ได้หมายถึงแค่การลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องมีการสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน ที่เหมาะสม เช่น ระบบ custody ที่ปลอดภัย มาตรการด้าน cybersecurity และแผนการบริหารความเสี่ยงหากตลาดเกิดความผันผวน
ที่มา: Cointelegraph