<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เปิด 8 บริษัทนำร่อง Programmable Payment ‘SCB-กสิกร-กรุงศรี-บิทคับ-ทรู’ เตรียมลุยทดสอบปีนี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยรายชื่อผู้เข้าร่วมทดสอบโครงการ Programmable Payment ภายใต้กฎ Enhanced Regulatory Sandbox ซึ่งมีทั้งธนาคาร บริษัทเทคโนโลยี และบริษัทการเงินเข้าร่วม 

การทดสอบครั้งนี้มี 8 บริษัทที่ได้รับคัดเลือก พร้อมนำเสนอการทดสอบบริการด้านการเงินที่หลากหลาย อาทิ Tourist Wallet, Secure Payment, Escrow Payment, Asset Tokenization, การแลกเปลี่ยน Global Stablecoin และสินเชื่อแบบ Business-to-Business (B2B)

รายชื่อบริษัทในโครงการ Programmable Payment และสถานะของการทดลอง

1. บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด ทดสอบให้บริการ Tourist Wallet เริ่ม Phase 1: 1 – 25 พ.ค. 2567 และ Phase 2: เริ่มไตรมาส 3/2568

2. ธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) ทดสอบให้บริการ Tourist Wallet เริ่ม เม.ย. – ธ.ค. 2568 

3. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ทดสอบให้บริการ Secure Payment เริ่ม พ.ค. – ก.ย. 2568

4. บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ทดสอบให้บริการ Escrow Payment , บริการสื่อชำระ Asset Tokenization, บริการ Bridging เริ่ม พ.ค. – ธ.ค. 2568

5. บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด ทดสอบให้บริการสื่อชำระ Asset Tokenization , บริการแลกเปลี่ยน Global Stablecoin เริ่ม พ.ค. – ต.ค. 2568

6. บริษัท ฟิวเจอร์ คอมเพเทเร่ เวนเจอร์ จำกัด ทดสอบให้บริการสื่อชำระ Asset Tokenization เริ่ม เม.ย. 2568 – มี.ค. 2569

7. บริษัท ดีเทอร์มิน่า จำกัด ทดสอบให้บริการสินเชื่อแบบ Business-to-Business (B2B) เริ่มเม.ย. 2568 – มี.ค. 2569

8. บริษัท ออมแพลทฟอร์ม จำกัด ทดสอบให้บริการ Escrow Payment เริ่ม เม.ย. 2568 – มี.ค. 2569

รายละเอียดข้อมูลของรูปแบบการทดสอบ

1. บริการ Tourist Wallet

 รูปแบบการทดสอบ: นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสามารถแลกเปลี่ยน digital asset กับ Thai Baht Programmable Payment เพื่อใช้ชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน QR code กับร้านค้าที่เข้าร่วมทดสอบ โดยมีการจำกัดพื้นที่ และมีการจำกัดช่วงเวลาเฉพาะ เช่น ในช่วงงาน International Conference บางงาน โดยร้านค้าจะได้รับเป็นเงินบาทเข้าบัญชีตามปกติ

ประโยชน์ของโครงการ: ช่วยลดขั้นตอนในการแลกเงินสดและลดค่าธรรมเนียมชำระเงินสกุลเงินต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ โดยเพิ่มปริมาณการใช้จ่ายในประเทศไทย สร้างสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจที่รองรับการทำธุรกรรมโดยชาวต่างชาติ

2. บริการ Escrow Payment

รูปแบบการทดสอบ: การทดสอบกระบวนการชำระเงินและทำธุรกรรมระหว่างผู้ซื้อ/ผู้ขาย โดยจะมีการนำเทคโนโลยี DLT และ smart contract มาช่วยดูแลรักษาเงินและกำหนดเงื่อนไขการโอนเงิน เช่น การจ้างงาน freelance การส่งมอบสินค้าหรือบริการตามเงื่อนไข และระบบจะโอนเงินไปยังบัญชีผู้รับโดยอัตโนมัติ

ประโยชน์ของโครงการ: ช่วยเพิ่มความโปร่งใสในกระบวนการชำระเงินและทำธุรกรรมระหว่างผู้ซื้อ/ผู้ขาย หรือคู่สัญญา สามารถติดตามธุรกรรมที่เกิดขึ้นได้ รวมถึงลดโอกาสการเกิดทุจริตจากการชำระเงินแต่ไม่ได้รับสินค้า

 3. บริการสื่อชำระ Asset Tokenization

รูปแบบการทดสอบ: การใช้ Thai Baht Programmable Payment ในการชำระซื้อขายสินทรัพย์ในรูปแบบดิจิทัล เช่น Digital ticket, NFT, Investment Token และ Utility Token

ประโยชน์ของโครงการ: เพื่อเพิ่มความสะดวกและความโปร่งใสในการซื้อขายแลกเปลี่ยน เพิ่มประสิทธิภาพในการชำระดุลให้มีความรวดเร็วขึ้น (Atomic Settlement) และเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าและร้านค้าให้สามารถต่อยอดการทำธุรกรรมที่หลากหลายมากขึ้นในอนาคต

 4. บริการอื่นๆ

นอกจากนี้ ยังมีการบริการอื่นๆ อาทิ การให้บริการ Bridging ระหว่าง chain, การให้บริการ swap แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลกับ Thai Baht Programmable Payment เป็นต้น

ทั้งนี้ โครงการ Programmable Payment เป็นความร่วมมือระหว่าง ธปท. และสำนักงาน ก.ล.ต. ในการส่งเสริมนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ภายใต้กลไก Sandbox ซึ่งผู้เข้าร่วมทดสอบจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องของแต่ละผู้กำกับดูแล แนวทางบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม รวมถึงมีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคที่เหมาะสม

ข้อมูลอัปเดตล่าสุดวันที่ 6 มกราคม 2568

ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย