<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

บราซิลลุยก่อน ! ไฟเขียวอนุมัติ Spot XRP ETF ตัวแรกของโลก พร้อมเปิดเทรดเร็ว ๆ นี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

‘บราซิล’ กำลังจะกลายเป็นประเทศแรกที่เปิดตัวกองทุน Spot Xrp ETF  หลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลของประเทศให้ไฟเขียวกับ Hashdex

กองทุน XRP ETF ตัวแรกของโลก กำลังจะเปิดให้ซื้อขายจริงในบราซิลเร็ว ๆ นี้ โดยขณะนี้ Hashdex Nasdaq XRP Index Fund อยู่ในช่วงเตรียมการ เพื่อรอเปิดให้ซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์ B3 ของบราซิล หลังจากได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการลงทุนของประเทศเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2025 

อย่างไรก็ตาม Hashdex ยังไม่ได้ระบุวันที่เปิดให้ซื้อขายอย่างเป็นทางการ การอนุมัติกองทุนนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความต้องการลงทุนในคริปโตที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก โดยมีการสนับสนุนที่มากขึ้นจากหน่วยงานกำกับดูแล และการยอมรับที่เพิ่มขึ้นทั้งจากนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายบริษัทที่ยื่นขอเปิดกองทุน Spot XRP ETF อาทิ บริษัทระดับโลกอย่าง Bitwise Asset Management, 21Shares, CoinShares และ Grayscale โดย XRP ถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ด้วยมูลค่าตลาดประมาณ 1.58 แสนล้านดอลลาร์ 

ประเทศ ‘บราซิล’ เป็นศูนย์กลางคริปโตของลาตินอเมริกา

บราซิลเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกา และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ในทวีปอเมริกา รองจากสหรัฐฯ และแคนาดา นอกจากนี้ บราซิลยังเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในตลาดคริปโต โดยมี Bitcoin ETF มากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค และธนาคารใหญ่ๆ ของประเทศก็มีบริการที่เปิดให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลได้

Hashdex ยังไม่มี Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ แต่เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บริษัทได้รับการอนุมัติจาก SEC สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ให้การเข้าถึงทั้ง Bitcoin และ Ethereum

XRP ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ก่อตั้งบริษัทฟินเทค Ripple ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การทำให้การโอนเงินข้ามพรมแดนรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

นักวิเคราะห์จาก J.P. Morgan คาดการณ์ว่า อาจมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่กองทุน XRP ETF ระหว่าง 3,000 – 6,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ Spot Bitcoin ETF  มียอดเงินไหลเข้าสุทธิเกิน 40,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่การเปิดตัวในเดือนมกราคม 2024 ส่วน ETF Ethereum มียอดเงินไหลเข้าสุทธิกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่เริ่มซื้อขายในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว

ที่มา:decrypt