<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Microsoft เปิดตัวชิปควอนตัม “Majorana 1” หลังวิจัยมานานถึง 20 ปี ยุคดิสรัปต์คริปโตมาถึงแล้ว ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Microsoft เปิดตัวชิปควอนตัมตัวแรก “Majorana 1” อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 ก.พ. งานนี้สะเทือนวงการคริปโตเต็ม ๆ เพราะหลายคนกังวลเทคโนโลยีควอนตัมอาจเข้ามาเป็นภัยคุกคามต่อระบบบล็อกเชนในอนาคต

“Majorana 1” เป็นชิปที่ใช้ส่วนผสมระหว่างเซมิคอนดักเตอร์และซูเปอร์คอนดักเตอร์ ซึ่งแตกต่างจากวัตถุ 3 สถานะที่เรารู้จักกันดีอย่างของแข็ง ของเหลว และก๊าซ งานนี้ Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ยืนยันว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยให้คอมพิวเตอร์ควอนตัมเกิดขึ้นได้ภายในไม่กี่ปี ไม่ต้องรอนานเป็นทศวรรษ

ด้าน Jason Zander รองประธานบริหารของ Microsoft ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่าทฤษฎีที่เคยถูกพูดถึงตั้งแต่ปี 1937 วันนี้กลายเป็นเรื่องจริงแล้ว “เราใช้เวลากว่าร้อยปีพิสูจน์มัน และตอนนี้เราสามารถใช้มันได้จริง”

ผลงานวิจัยของ Microsoft ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Nature เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ซึ่งเป็นวารสารวิชาการที่เผยแพร่งานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี งานนี้ไม่ใช่แค่สะเทือนวงการคริปโตเท่านั้น แต่ยังมีนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าชิปตัวใหม่นี้อาจพลิกโฉมวงการเคมีและการแพทย์ หรือแม้แต่ถูกนำไปใช้กับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่

สำหรับ การทำงานของชิปควอนตัมจะแตกต่างจากชิปคอมพิวเตอร์ทั่วไป เพราะแทนที่ใช้ บิต (bits) ซึ่งมีค่าเป็น 0 หรือ 1 เท่านั้น ชิปควอนตัมใช้ ควอนตัมบิต (qubits) ที่สามารถเป็น 0, 1 หรือทั้งสองค่าได้พร้อมกัน ทำให้สามารถคำนวณความเป็นไปได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน และแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้เร็วกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปแบบก้าวกระโดด

Microsoft เริ่มต้นโปรเจกต์นี้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2000 และถือเป็นหนึ่งในโครงการวิจัยและพัฒนาที่ยาวนานที่สุดของบริษัท ซึ่งกินเวลานานเกือบ 20 ปี กว่าจะมาถึงจุดที่สามารถเปิดตัวชิป “Majorana 1” ได้สำเร็จ

ชิป Majorana 1 จะเข้ามาป่วนคริปโตหรือไม่ ?

เทคโนโลยีควอนตัมอาจกลายเป็นฝันร้ายของวงการคริปโตในอนาคต โดยก่อนหน้านี้ Google เปิดตัวชิปควอนตัม Willow ในเดือนธันวาคม 2024 ก็ทำให้เกิดกระแสฮือฮาในหมู่นักลงทุนคริปโต เพราะหากคอมพิวเตอร์ควอนตัมพัฒนาไปถึงจุดที่สามารถถอดรหัสการเข้ารหัสแบบเดิมได้จริง ๆ มันอาจเปิดช่องให้เกิด 51% Attack หรือแม้แต่เดารหัส Private Key ของกระเป๋าคริปโตได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ Bitcoin และเหรียญอื่น ๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งนักพัฒนาเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและเริ่มถกเถียงถึงวิธีการรับมือกันแล้วในปัจจุบัน โดยวิธีการป้องกันเบื้องต้นเอาจเป็นการใช้ multisignature wallet หรือโอนคริปโตย้ายไปเก็บแบบออฟไลน์ รวมถึงใช้งาน wallet ที่มีเทคโนโลยีต้านควอนตัม เป็นต้น