บริษัทติดตามข้อมูลบล็อกเชนอย่าง Lookonchain รายงานว่า Tether ผู้ออกเหรียญ Stablecoin ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง USDT ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับคลัง Bitcoin ของตัวเอง ด้วยการเข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 8,888 BTC ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 735 ล้านดอลลาร์
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญสำหรับแผนระยะยาวของ Tether ที่ต้องการนำ Bitcoin เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสินทรัพย์สำรอง เพื่อเพิ่มความมั่นคงและความน่าเชื่อถือให้กับ USDT ซึ่งยังคงเป็นเหรียญ Stablecoin ที่มีการใช้งานมากที่สุดในวงการคริปโต ณ ตอนนี้
จากการซื้อครั้งล่าสุด ทำให้ Tether มีจำนวน Bitcoin ที่ถือครองอยู่ พุ่งแตะ 100,521 BTC หรือราว ๆ 8.29 พันล้านดอลลาร์ และขึ้นแท่นบริษัทผู้ถือครอง Bitcoin รายใหญ่อันดับที่ 6 ของโลก ซึ่งกลยุทธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของประกาศ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2023 ที่ระบุว่า Tether จะนำกำไรสุทธิรายไตรมาสสูงสุด 15% ไปลงทุนใน Bitcoin อย่างต่อเนื่อง
ที่น่าสนใจคือ การเข้าซื้อ Bitcoin ครั้งนี้ เกิดขึ้นช่วงที่ตลาดคริปโตกำลังผันผวนอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 ที่ราคา Bitcoin ร่วงลงกว่า 12% ถือเป็นหนึ่งในไตรมาสที่แย่ที่สุดในรอบ 7 ปี แต่ Tether กลับใช้จังหวะนี้ เดินหน้าซื้อ Bitcoin เพิ่ม ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในมูลค่าระยะยาวของ Bitcoin ได้อย่างชัดเจน
Paolo Ardoino ซีอีโอของ Tether ได้ออกมาพูดถึงการซื้อ Bitcoin ในครั้งนี้ว่า “Bitcoin คือหนึ่งในเสาหลักสำหรับแผนการสำรองสินทรัพย์ของเรา เราเชื่อมั่นในคุณค่าและศักยภาพระยะยาวของ Bitcoin จึงยังคงจัดสรรกำไรบางส่วนเพื่อสะสม Bitcoin เพิ่มอย่างต่อเนื่อง”
นอกเหนือจากการเสริมคลัง Bitcoin แล้ว Tether ยังได้สร้างเหรียญ USDT เพิ่มอีก 1 พันล้านดอลลาร์ บนเครือข่าย Tron ภายในเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งตอนนี้ยอดรวมของ USDT บน Tron ก็ทะลุ 8 พันล้านดอลลาร์ไปแล้ว และถ้านับรวมตลอดปีที่ผ่านมา Tether ได้ออกเหรียญ USDT ใหม่ เพิ่มขึ้นถึง 40,000 ล้านดอลลาร์ ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในตลาด Stablecoin อย่างไม่มีข้อกังขา
แน่นอนว่า การเติบโตที่รวดเร็วย่อมมาพร้อมคำถามจากหน่วยงานกำกับดูแลและนักวิเคราะห์ โดยเฉพาะเรื่องความโปร่งใสของการสำรองสินทรัพย์ แต่ Tether ยืนยันว่าเงินสำรองของบริษัทประกอบด้วยเงินสด พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ สินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด และยังรวมถึงทองคำกับ Bitcoin ด้วย
การที่ Tether เดินหน้าซื้อ Bitcoin อย่างจริงจัง อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของตลาดในวงกว้าง เพราะสะท้อนให้เห็นว่า Bitcin กำลังกลายเป็นสินทรัพย์สำรองขององค์กรใหญ่ในโลกคริปโตมากขึ้นเรื่อย ๆ และอาจจุดประกายให้ผู้เล่นรายอื่นในวงการ Stablecoin หันมาใช้แนวทางเดียวกันบ้าง โดยเฉพาะในยุคที่กฎระเบียบเริ่มเข้มงวดขึ้น ความโปร่งใสเรื่องการสำรองสินทรัพย์จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ผู้ให้บริการเลี่ยงไม่ได้
การเข้าซื้อ Bitcoin จำนวน 8,888 BTC ครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการลงทุน แต่สะท้อนถึงทิศทางใหม่ของ Tether ที่พร้อมจะเป็นผู้นำทั้งในด้านการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลและการปรับตัวเข้าหามาตรฐานใหม่ในโลกการเงินยุคคริปโตอย่างแท้จริง
- ที่มา : financefeeds
- ที่มารูปภาพ : cryptoslate