ในช่วงค่ำของวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ได้พุ่งทะยานอย่างรุนแรง ทะลุแนวต้านสำคัญไปแตะระดับ 83,000 ดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางบรรยากาศตลาดโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Donald Trump ได้ออกมาประกาศนโยบายด้านภาษีครั้งใหญ่ โดยมีการเว้นภาษีนำเข้าเป็นเวลา 90 วันให้กับประเทศที่ “ไม่ตอบโต้” สหรัฐฯ พร้อมกันนั้นก็ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอย่างโหดถึง 125% เพื่อกดดันเศรษฐกิจจีนโดยตรง
การเคลื่อนไหวเชิงรุกของ Trump ในครั้งนี้เรียกเสียงวิพากษ์จากนักวิเคราะห์การค้าทั่วโลก โดยมองว่าเป็นสัญญาณการกลับเข้าสู่ภาวะสงครามการค้าเต็มรูปแบบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำนวนมากกลับมองต่าง โดยเฉพาะในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี ที่ถือว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจโลกมีความตึงเครียด การตอบสนองของราคา BTC ที่พุ่งขึ้นอย่างฉับพลันสะท้อนถึงแรงซื้อจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามาในตลาด
ข้อมูลจาก TradingView ชี้ให้เห็นว่าราคา Bitcoin มีการพุ่งขึ้นจากระดับ 80,000 ดอลลาร์ ไปแตะสูงสุดที่ราว 83,200 ดอลลาร์ภายในช่วงเวลาไม่ถึง 4 ชั่วโมง พร้อมวอลุ่มการซื้อขายที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เหล่านักเทรดรายใหญ่ (whales) หลายรายได้มีการเคลื่อนย้ายเหรียญจำนวนมากเข้าสู่กระดานเทรดหลัก บ่งชี้ถึงการปรับพอร์ตลงทุนไปสู่สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดทุนแบบดั้งเดิม
แม้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีแรงเทขายจากความกังวลในประเด็นภาษี แต่ตลาดคริปโตกลับแสดงให้เห็นถึงพลังการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวลงทันทีหลังข่าวประกาศภาษีจีนออกมา ขณะที่กราฟราคา Bitcoin กลับวิ่งสวนทางโดยสิ้นเชิง นักวิเคราะห์บางรายมองว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ “Bitcoin Safe Haven Narrative” รอบใหม่ ที่นักลงทุนหันมาพึ่งพา BTC ในฐานะทองคำดิจิทัลอย่างแท้จริง
หากดูจากกราฟด้านล่างจะเห็นได้ว่าราคา BTC มีการเบรกแนวต้านหลักที่บริเวณ 81,500 ดอลลาร์ พร้อมปริมาณการซื้อที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างรุนแรง ขณะที่เส้น RSI ก็ทะลุระดับ 70 บ่งบอกถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่ยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระวังการปรับฐานระยะสั้น หลังจากราคาปรับขึ้นรวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ

กราฟราคา BTC/USD จาก TradingView