หลังการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้นำเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Ethereum Foundation ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาเครือข่าย Ethereum ได้ประกาศทิศทางใหม่โดยให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้งานและการแก้ปัญหาการขยายตัวของ Layer-1 เป็นหลัก
Tomasz Stańczak ผู้อำนวยการร่วมของ Ethereum Foundation ได้โพสต์บนแพลตฟอร์ม X อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในองค์กร โดยหนึ่งในเป้าหมายหลักคือการเปิดทางให้ Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum มีเวลามากขึ้นในการวิจัยและทดลองสิ่งใหม่ แทนที่จะต้องรับมือกับงานประจำวันหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ
“ทุกครั้งที่ Vitalik แสดงมุมมองหรือแนวทางใหม่ ๆ มักจะเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงลึกในระยะยาว” Stańczak กล่าว พร้อมเสริมว่าโพสต์ล่าสุดของ Vitalik ช่วยชี้ทางให้ชุมชนกลับมาโฟกัสที่คุณค่าหลักของ Ethereum อีกครั้ง
โดยตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา Stańczak และ Hsiao-Wei Wang นักวิจัยหลักของ Ethereum Foundation ได้รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการร่วมอย่างเป็นทางการ ซึ่งหลังจากนั้น Vitalik ก็เริ่มถอยออกจากการบริหารงานในชีวิตประจำวัน และเริ่มเผยแพร่ข้อเสนอใหม่ ๆ ที่เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวและประสิทธิภาพของเครือข่าย
เมื่อวันที่ 11 เมษายน Vitalik ได้เสนอแผนการเพิ่มความเป็นส่วนตัวในธุรกรรมของ Ethereum พร้อมแนะว่า “ฟีเจอร์เหล่านี้ควรถูกเปิดใช้โดยอัตโนมัติ” จากนั้นในวันที่ 20 เมษายน เขายังเสนอการปรับปรุงภาษาใน Ethereum Virtual Machine (EVM) เพื่อเพิ่มความเร็วในการประมวลผลของระบบอีกด้วย
แม้ว่าไอเดียของ Vitalik จะทรงอิทธิพล แต่ Stańczak ย้ำว่า ข้อเสนอเหล่านี้ควรถูกใช้เพื่อเริ่มต้นการสนทนาในชุมชน และไม่ใช่สิ่งที่ต้องยึดตามทั้งหมด พร้อมเปิดโอกาสให้มีการพัฒนา หรือแม้แต่ปฏิเสธไอเดียเหล่านั้น
Ethereum Foundation ยังเตรียมเปลี่ยนโฟกัสงานวิจัยไปสู่เป้าหมายระยะสั้นมากขึ้น โดยจะเน้นที่การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งานและการขยายขีดความสามารถของ Layer-1 และ Layer-2 ผ่านแผนการอัปเกรดต่าง ๆ เช่น Pectra, Fusaka และ Glamsterdam
“โพสต์จากนักวิจัยแนวหน้าเหล่านี้ จะช่วยให้โครงการบางอย่างสำเร็จภายใน 1-2 ปีข้างหน้า ผ่านแผนการพัฒนา execution และ consensus layers รุ่นถัดไป” Stańczak กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: Cointelegraph