<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

PayPal ใจป้ำ! เสนอ yield 3.7% ให้ผู้ถือ PYUSD หวังปลุกกระแสใช้งานจริง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

PayPal เปิดแผนใหม่ดึงดูดผู้ใช้งาน ด้วยการให้ผลตอบแทน 3.7% ต่อปีบนเหรียญ stablecoin ของตัวเองอย่าง PayPal USD (PYUSD) โดยมุ่งหวังจะกระตุ้นให้ผู้คนหันมาใช้งานเหรียญนี้มากขึ้น หลังจากที่ยังไม่สามารถไล่ทันคู่แข่งในตลาดได้

โปรแกรมแจกผลตอบแทนดังกล่าวจะเริ่มต้นในช่วงฤดูร้อนปีนี้ สำหรับผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ทั้งบนแพลตฟอร์ม PayPal และ Venmo โดยผู้ที่ถือครอง PYUSD ไว้ในกระเป๋าเงินของตน จะได้รับผลตอบแทนรายวันและจ่ายออกเป็นรายเดือนในรูปแบบของเหรียญ PYUSD เพิ่มเติม ซึ่งสามารถนำไปใช้จ่าย ส่งต่อ แปลงกลับเป็นเงินตราทั่วไป หรือใช้ในการโอนระหว่างประเทศได้

“รางวัลนี้ออกแบบมาเพื่อผลักดันให้ PYUSD กลายเป็นเครื่องมือชำระเงินจริงในระบบของ PayPal” Jose Fernandez da Ponte หัวหน้าฝ่ายบล็อกเชนของบริษัทกล่าวไว้ พร้อมเสริมว่าบริษัทเพิ่งเดินทางมาได้ครึ่งทางของแผน 10 ปี ที่ตั้งใจไว้

PayPal เปิดตัว PYUSD เมื่อปี 2023 ผ่านการร่วมมือกับ Paxos และกลายเป็นบริษัทการเงินรายใหญ่รายแรกที่ออก stablecoin ของตัวเอง ทว่า ณ ปัจจุบัน มูลค่าตลาดของเหรียญยังอยู่ที่เพียงประมาณ 873 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยังห่างไกลจากเบอร์หนึ่งอย่าง Tether ( USDT) ที่มีมูลค่ากว่า 145 พันล้านดอลลาร์

Jose ยอมรับว่า PYUSD ยังถูกใช้ส่วนใหญ่ในกิจกรรมที่เกี่ยวกับคริปโต ซึ่งไม่ใช่เป้าหมายระยะยาวของบริษัท ปีนี้ PayPal เตรียมผสานเหรียญนี้เข้ากับเครื่องมืออื่นๆ ของตน เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการโอนเงินสำหรับทั้งร้านค้าและลูกค้า

ต่างจาก stablecoin อื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนจากรายได้พันธบัตรสหรัฐฯ PYUSD จะไม่อิงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง และผลตอบแทน 3.7% นี้จะไม่ได้มาจากดอกเบี้ยที่ได้จากทุนสำรองเพียงอย่างเดียว ทำให้ PayPal สามารถควบคุมโครงการนี้ได้มากขึ้น แม้อาจต้องดึงเงินจากกระเป๋าบริษัทเองมาใช้ก็ตาม

การแข่งขันในตลาด stablecoin กำลังเดือดขึ้นเรื่อยๆ Robinhood และ Revolut กำลังพัฒนาเหรียญของตัวเอง Stripe ก็เพิ่งเข้าซื้อกิจการที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี stablecoin ในขณะที่ Circle และ Coinbase ต่างก็เร่งเสริมแกร่งให้กับ USDC ผ่านเครือข่ายใหม่และระบบรางวัลแบบใหม่

ตลาดกำลังเปลี่ยน และ PayPal ก็หวังว่า PYUSD จะไม่ใช่แค่เหรียญคริปโตอีกเหรียญหนึ่ง แต่จะกลายเป็น “เงิน” ที่คนใช้จริงทั่วโลกผ่านเครือข่ายของพวกเขาเอง

อย่างไรก็ตาม บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ

ที่มา: Cryptopolitan