เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้มีการแสดงท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปต่อ ‘เจอโรม พาวเวลล์’ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คนปัจจุบัน
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “ผมไม่มีความตั้งใจที่จะปลดเขาออกจากตำแหน่ง” พร้อมเสริมว่า “ผมแค่อยากให้เขากระตือรือร้นมากขึ้นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย”
การลดความตึงเครียดในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับเชิงบวกจาก Wall Street อย่างรวดเร็ว โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของดัชนีหุ้น ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 2% ในช่วงการซื้อขายเย็นวันอังคารที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ในการตอบคำถามต่อผู้สื่อข่าว ทรัมป์ยังได้แสดงความหวังว่า การทำข้อตกลงทางการค้ากับประเทศจีนจะนำไปสู่การปรับลดภาษีนำเข้าอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อบรรยากาศการลงทุน โดยเขากล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะส่งผลให้ภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนปรับตัวลดลง “อย่างมาก” และย้ำว่าอัตราภาษีนำเข้าในข้อตกลงสุดท้าย “จะไม่ใกล้เคียง” กับอัตราภาษีศุลกากรในปัจจุบัน แต่ “จะไม่เป็นศูนย์” เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ คำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์ มักจะมาพร้อมกับคำขู่อยู่เสมอ เช่น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขาเคยโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียที่สื่อถึง ความต้องการปลด ‘เจอโรม พาวเวลล์’ ออกจากตำแหน่ง รวมถึง การเรียกประธาน Fed คนปัจจุบันว่าเป็น “พวกขี้แพ้” คำขู่เหล่านี้ ส่งผลให้ตลาดการเงินเกิดการร่วงลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของ Fed
แม้ว่าทรัมป์จะแสดงท่าทีที่ผ่อนคลายลงในประเด็นการปลดประธาน Fed แต่ในคำแถลงล่าสุด เขายังคงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายอัตราดอกเบี้ยของ Fed อย่างต่อเนื่อง โดยเขากล่าวว่า “เราเชื่อว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเราต้องการให้ประธาน Fed ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ล่าช้า”