ในการประชุมครั้งล่าสุด (พ.ค. 2025) ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายไว้ที่ระดับเดิม คือระหว่าง 4.25% ถึง 4.5% โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ได้ออกมาให้เหตุผลว่า พวกเขายังคงจับตาดูความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ทั้งเรื่องการว่างงานที่อาจสูงขึ้น และปัญหาเงินเฟ้อที่ยังคงน่ากังวล
แม้ว่า Fed จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการรอประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าต่าง ๆ แต่สิ่งที่น่าจับตามองคือ ราคาของ Bitcoin กลับไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ในขณะที่รายงานข่าวอยู่นี้ ราคา Bitcoin ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากระดับประมาณ $97,000 ขึ้นมาอยู่ที่ $98,500

สถานการณ์ที่ Fed กำลังเผชิญอยู่นั้นเรียกได้ว่า “กำลังเดินอยู่บนเส้นด้าย” เพราะพวกเขาต้องรับมือกับความไม่แน่นอนที่เกิดจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่มีทั้งสัญญาณบวกและสัญญาณลบ อาทิ ตัวเลขการจ้างงานในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ที่ออกมาดีเกินคาด และรายงานตัวเลย GDP ล่าสุดที่ออกมาไม่สู้ดีนัก
เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ได้ออกมาพูดชัดเจนว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะคิดถึงการลดอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้า เพราะอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
“เรายังไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ล่วงหน้าได้ เพราะเรายังไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะตอบสนองต่อข้อมูลที่จะเข้ามาอย่างไร จนกว่าเราจะได้เห็นข้อมูลมากกว่านี้” พาวเวลล์กล่าว
พาวเวลล์ยังกล่าวอีกว่า การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าสำคัญ ๆ อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากที่ทรัมป์ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงเกินกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ซึ่งแม้แต่ Fed เองก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
โดยพาวเวลล์เสริมว่า ภาษีนำเข้าที่ทรัมป์บังคับใช้เมื่อวันที่ 2 เมษายนนั้น “สูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้อย่างมาก”
ในขณะเดียวกัน เลขาธิการกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เจมีสัน กรีเออร์ มีกำหนดการที่จะเดินทางไปพบกับผู้แทนจากประเทศจีนที่สวิตเซอร์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งทั้งสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกนี้ ต่างก็ได้มีการตั้งกำแพงภาษีตอบโต้กันไปมา จนเบสเซนต์ถึงกับกล่าวว่าสถานการณ์นี้มีผลเหมือนกับการคว่ำบาตรทางการค้าเลยทีเดียว
- ที่มาข่าว:cnbc
- ที่มาภาพ:thenightly

