<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ส.ส.ไต้หวันไฟแรง! ดันแนวคิดเก็บ Bitcoin ในคลังชาติ หวังรับมือเงินเฟ้อ-ภูมิรัฐศาสตร์

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Ko Ju-Chun สมาชิกสภานิติบัญญัติของไต้หวัน ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเริ่มพิจารณานำ Bitcoin มาเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศของชาติ โดยชี้ว่า Bitcoin อาจเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในระดับโลกที่กำลังทวีความไม่แน่นอนมากขึ้น

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม Ko ได้เปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X ว่าเขาได้เสนอแนวคิดดังกล่าวในที่ประชุมระดับชาติ โดยชี้ว่า Bitcoin ควรถูกพิจารณาให้มีบทบาทเสมือนทองคำและเงินสำรองสกุลต่างประเทศในการเสริมความมั่นคงทางการเงินของประเทศ

นอกจากนี้ เขาได้พบปะพูดคุยกับ Samson Mow ผู้ก่อตั้งบริษัท Jan3 และผู้สนับสนุนให้ประเทศต่างๆ นำ Bitcoin มาใช้เป็นสินทรัพย์หลักเหมือนกรณีของ El Salvador ซึ่งการพบปะนี้ยิ่งตอกย้ำความตั้งใจในการผลักดันแนวทางดังกล่าวในไต้หวัน

Ko อธิบายเพิ่มเติมว่า ไต้หวันมีลักษณะเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกสูง และประสบปัญหาความผันผวนของค่าเงิน New Taiwan Dollar อันเป็นผลมาจากเงินเฟ้อทั่วโลกและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังรุนแรงขึ้นในภูมิภาค

ปัจจุบันไต้หวันมีทองคำสำรองราว 423 ตัน และเงินสำรองต่างประเทศกว่า 577 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ในกรณีที่เกิดวิกฤตค่าเงินหรือความขัดแย้งในภูมิภาค อาจมีความเสี่ยงในการรักษาสภาพคล่องและความปลอดภัยของสินทรัพย์เหล่านี้

Ko ได้เสนอว่า Bitcoin ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณสมบัติจำกัดจำนวน, เป็นแบบกระจายศูนย์ และต่อต้านการเซ็นเซอร์ อาจเหมาะกับการเป็น “สินทรัพย์สำรองทางเลือก” ในยุคที่มีความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจสูง พร้อมระบุว่า Bitcoin มีอายุการใช้งานมานานกว่า 15 ปี และไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลใด

แม้จะไม่ถึงขั้นเสนอให้ Bitcoin แทนที่สินทรัพย์เดิมทั้งหมด แต่ Ko แนะให้จัดสรรทุนสำรองของรัฐบางส่วนมาลงทุนใน Bitcoin เช่น 5% จากทุนสำรอง 50 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงและเสริมแกร่งระบบการเงินของไต้หวันในระยะยาว

“เมื่อความเสี่ยงค่าเงินและความไม่แน่นอนระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้น ก็ถึงเวลาที่จะต้องนำเครื่องมือใหม่มาใช้ เพื่อออกแบบกรอบยุทธศาสตร์การเงินที่ยืดหยุ่นมากขึ้น […] Bitcoin คือปืนในยุคดิจิทัล เป็นทั้งทองคำ เงิน หรือแม้แต่ดินปืน ประเทศที่ฉลาดจะไม่ยอมปล่อยให้ ‘อาวุธ’ อยู่ในมือของคนอื่น”

ปัจจุบัน ไต้หวันถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของคริปโตในเอเชีย หลังหน่วยงานกำกับดูแลการเงินของประเทศเริ่มผลักดันการทดลองให้บริการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงปลายปี 2024 ขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่ยังคงแบนคริปโตอย่างเข้มงวดนับตั้งแต่ปี 2021

ที่มา: Cointelegraph