เช้าวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ ตลาดคริปโตต้องตื่นขึ้นมาพร้อมกับความตื่นเต้นอีกครั้ง เมื่อราคา Bitcoin พุ่งทะยานแตะระดับ $107,000 อย่างรุนแรงในช่วงสั้น ๆ ก่อนจะย่อตัวลงมายืนบริเวณ $104,977 ท่ามกลางกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่กองทุน Spot Bitcoin ETFs อย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจาก CoinMarketCap ระบุว่า Bitcoin ได้พุ่งขึ้นจากระดับ $103,000 ไปทำจุดสูงสุดที่ $107,101 (+3.75%) ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง สร้างความตื่นตระหนกทั้งฝั่งนักลงทุนสายเทรดและนักถือระยะยาว โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าสาเหตุหลักมาจากแรงซื้อขนาดใหญ่จากฝั่งนักลงทุนสถาบันที่หลั่งไหลเข้าผ่านช่องทาง ETF
ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนพฤษภาคม มีรายงานว่าเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิกองทุน Spot Bitcoin ETFs สะสมรวมกันมากกว่า 2.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกอย่างชัดเจนต่อตลาดคริปโต โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่านักลงทุนสถาบันคือกลุ่มที่มีแนวโน้มเข้าลงทุนใน ETF มากกว่ารายย่อย การที่เงินทุนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในลักษณะนี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นใน Bitcoin ว่าเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะแก่การถือครองในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
แม้ว่าจะไม่มีข่าวสำคัญหรือเหตุการณ์เฉพาะเจาะจงใด ๆ ที่ประกาศออกมาในช่วงนี้ แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin อาจเป็นผลจากการเคลื่อนไหวของวาฬสถาบันที่ทยอยเข้าซื้อสะสมอย่างเงียบ ๆ ผ่านตลาด OTC หรือสั่งซื้อในช่วงที่ราคายังไม่ทะลุแนวต้านสำคัญที่ $105,000 ทำให้เกิดแรงดีดกลับอย่างรุนแรงในช่วงเวลาอันสั้น ส่งผลให้ราคาแตะระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน
อีกหนึ่งปัจจัยหนุนที่ไม่อาจมองข้าม คือการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมต่อไป ซึ่งในมุมมองของนักลงทุน หมายถึงการผ่อนคลายแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยง และเปิดโอกาสให้ Bitcoin กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งในฐานะสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรยังไม่จูงใจเพียงพอ
เมื่อมองย้อนกลับไปตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า บทบาทของนักลงทุนรายย่อยเริ่มลดลง ขณะที่กลุ่มทุนขนาดใหญ่หรือสถาบันการเงินเริ่มก้าวเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผ่านการลงทุนในกองทุน ETF การถือ Bitcoin ไว้ในงบดุล หรือการใช้ผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ในการเข้าถือครองทางอ้อม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลให้แนวโน้มของราคา Bitcoin อยู่ในมือของผู้เล่นรายใหญ่มากขึ้น
นักวิเคราะห์บางรายให้ความเห็นว่า หากกระแสนี้ยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีแรงเทขายหนัก ๆ เข้ามาสกัด แนวต้านถัดไปที่ระดับ $110,000 อาจถูกทดสอบในไม่ช้า โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสหน้าที่ตลาดคาดการณ์ว่า Fed อาจเริ่มส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งจะยิ่งกระตุ้นความต้องการใน Bitcoin ในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนในสภาพแวดล้อมที่อัตราดอกเบี้ยเริ่มอ่อนตัวลงอีกครั้ง
ในขณะที่รายงาน Bitcoin มีการซื้อขายกันอยู่ที่ $105,089 อ้างอิงข้อมูลจาก Coinmarketcap