Binance ได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายรัฐเดลาแวร์เพื่อขอให้ยกฟ้องคดีจาก FTX ซึ่งเรียกร้องค่าเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 1.76 พันล้านดอลลาร์ โดยทีมกฎหมายของ Binance มองว่าคดีนี้ “ไม่มีมูลทางกฎหมาย” และพยายามเบี่ยงเบนความรับผิดชอบจากการล้มละลายของ FTX และยกความผิดให้ Sam Bankman-Fried (SBF)
ในเอกสารของศาลระบุว่า “โจทก์ (FTX estate) กำลังทำเหมือนว่า FTX ไม่ได้ล้มละลายเพราะเป็นหนึ่งในการฉ้อโกงระดับองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์” พร้อมชี้ไปที่ SBF ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด 7 ข้อหาด้านการฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิด

โดยก่อนหน้านี้ FTX ได้กล่าวหา Binance ว่าได้รับเงินดิจิทัลจำนวนมหาศาลจากการซื้อหุ้นคืนในปี 2021 โดยใช้เงินของลูกค้าอย่างไม่เหมาะสม ซึ่ง Binance ได้ปฏิเสธ พร้อมยืนยันว่า “FTX ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้อีกถึง 16 เดือนหลังดีลนั้น” และไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าแพลตฟอร์มอยู่ในสถานะล้มละลายในขณะนั้น
นอกจากนี้ Binance ยังถูกกล่าวหาว่าอดีต CEO Changpeng Zhao เป็นต้นเหตุที่ทำให้ FTX ล่ม จากการโพสต์ข้อความในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2022 ว่าจะขาย FTT Token ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม Binance ระบุว่าการตัดสินใจครั้งนั้นอิงจากข้อมูลสาธารณะที่เปิดเผยในบทความของ CoinDesk เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ซึ่งเปิดโปงงบดุลของ Alameda Research ที่ดูอ่อนแอ

เหตุการณ์นี้ทำให้ Binance ตัดสินใจขาย FTT เพราะมีข้อมูลใหม่ในตลาด และตั้งใจลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตลาด ซึ่ง Binance ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาใดๆ ที่จะบั่นทอน FTX โดยอ้างว่าไม่มีหลักฐานในคำฟ้องที่พิสูจน์ได้
สุดท้าย Binance ยังโต้แย้งว่าศาลในสหรัฐฯ ไม่มีอำนาจพิจารณาคดีนี้ เพราะบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเป็นนิติบุคคลต่างชาติ ไม่ได้จดทะเบียนในสหรัฐฯ และยังวิจารณ์ว่า คำฟ้องของ FTX เป็นการรวบรวมข้อกล่าวหาที่ไม่มีน้ำหนักซึ่งส่วนใหญ่อ้างอิงจาก “คนที่ถูกตัดสินว่าเป็นนักฉ้อโกง”
Binance จึงเรียกร้องให้ศาลยกฟ้องทุกข้อกล่าวหาทั้งหมด พร้อมคำสั่งไม่ให้ยื่นฟ้องใหม่ ขณะที่ FTX ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นใดๆ
ที่มา: Cointelegraph