<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Solana เตรียมขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งในโลก DeFi? หลัง Solaxy ลุ้นแจ้งเกิดเป็น Layer-2 ตัวแรกของเครือข่าย

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์เหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่เท่านั้น ทางผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด คริปโทเคอร์เรนซี และ โทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ 

Solaxy ($SOLX) โซลูชั่น Layer-2 ตัวแรกของ Solana ($SOL) กำลังเป็นที่จับตาในวงการคริปโต โดยล่าสุดสามารถระดมทุนจาก Presale ได้แล้วเกือบ 38 ล้านดอลลาร์ เหลือเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์ก่อนสิ้นสุดรอบขายล่วงหน้า โดยราคาสุดท้ายในเฟสนี้อยู่ที่ 0.001728 ดอลลาร์ต่อโทเค็น

ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Solana กำลังขึ้นนำ Layer-2 ของ Ethereum อย่าง Base, Arbitrum และ Optimism ทั้งในด้านมูลค่าที่ถูกล็อกไว้ (TVL) กว่า 9 พันล้านดอลลาร์ และรายได้จากค่าธรรมเนียมที่ทำได้กว่า 18 ล้านดอลลาร์ใน 24 ชั่วโมง

มูลค่าการสเตก $SOL ในช่วง 60 วันที่ผ่านมา พุ่งทะลุ 65 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนความมั่นใจของนักลงทุนต่อความแข็งแกร่งของเครือข่าย แต่ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการมีโครงสร้างพื้นฐานสำรองเพื่อรองรับการเติบโตที่รวดเร็ว ซึ่งเป็นจุดที่ Solaxy ถูกออกแบบมาให้เติมเต็ม

Solaxy จะเข้ามาช่วยประมวลผลธุรกรรมนอกเชนหลัก ก่อนส่งผลลัพธ์กลับไปยัง mainnet ของ Solana โดยยังคงความเร็วเทียบเท่ากับเชนหลัก และลดภาระการทำงานโดยไม่ลดทอนความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของธุรกรรม

Solana กำลังทำลายสถิติในวงการ DeFi – แต่จะพร้อมรับมือกับความท้าทายครั้งต่อไปได้หรือไม่?

Solana กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการ DeFi ด้วยกิจกรรมบนเครือข่ายที่เติบโตอย่างรวดเร็วและชัดเจน

โดย Solana กำลังขยับตำแหน่งขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำของโลก DeFi อย่างแท้จริง ด้วยการเติบโตของ TVL ที่แซงทั้ง Base, Arbitrum, Optimism และแม้แต่ Binance Smart Chain ที่มี TVL อยู่ราว 6 พันล้านดอลลาร์ 

โดยในช่วง 30 วันที่ผ่านมา Solana เติบโตขึ้นถึง 32.2% เทียบกับ Ethereum ที่โต 30% ขณะเดียวกัน รายได้ค่าธรรมเนียมของเครือข่ายก็เพิ่มขึ้นถึง 56.68% จากการใช้งานของแอป Axiom และ Pump.fun

และในต้นเดือนพฤษภาคม ปริมาณสเตเบิลคอยน์บน Solana แตะจุดสูงสุดที่ 13 พันล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงความลึกและเสถียรภาพของสภาพคล่องบนเครือข่าย ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน

แต่ทุกการเติบโตย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย – Solana เคยประสบปัญหาความแออัดและระบบล่มในอดีต นั่นทำให้ชุมชนเริ่มมองหา Layer-2 ที่จะช่วยลดภาระดังกล่าว และ Solaxy คือความหวังใหม่ที่ถูกพัฒนาเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เคยเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

ในขณะที่สถาบันใหญ่ ๆ อย่าง VanEck, 21Shares, Bitwise และ Canary Capital เริ่มยื่นขอเปิดตัว Solana ETF การใช้งานในระลอกใหม่นี้มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน

เหตุผลที่ Solana ควรเตรียมโครงสร้างพื้นฐานสำรองให้พร้อม ก่อนคลื่นการใช้งานครั้งใหญ่ครั้งต่อไป

นักลงทุนเข้าใจกันดีว่าเมื่อกิจกรรมบนเครือข่ายเพิ่มขึ้น ราคาของ $SOL ก็มักจะขึ้นตามไปด้วย แต่ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเชนสามารถรองรับภาระงานที่เพิ่มขึ้นได้จริง และส่วนนี้เองคือจุดด้อยของ Solana

แม้ Solana จะโดดเด่นเรื่องความเร็วและค่าธรรมเนียมที่ต่ำ แต่เมื่อเครือข่ายต้องรับภาระงานจำนวนมาก ก็มักเผชิญกับปัญหาความแออัดและในบางกรณีรุนแรงถึงขั้นระบบล่ม ส่งผลให้ธุรกรรมมูลค่าสูญหายมหาศาล สร้างความเสียหายต่อรายได้ของทั้งตัวตรวจสอบ (validators) และแอปพลิเคชัน dApp อย่างหนัก

ปัญหาเหล่านี้คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Solana ยังไม่สามารถขึ้นแท่นผู้นำในโลก DeFi อย่างเต็มตัว แม้ตัวเลขด้านประสิทธิภาพจะดูโดดเด่นเพียงใด แต่ “ความน่าเชื่อถือ” ก็ยังเป็นจุดด้อยหลักที่ฉุดรั้งการเติบโตอยู่เสมอ

อย่างไรก็ตาม สมาชิกในชุมชน Solana จำนวนไม่น้อยก็ไม่เห็นด้วยกับแนวคิด Layer-2 เพราะพวกเขายึดมั่นในสถาปัตยกรรมแบบ “monolithic” ที่รวบรวมทุกอย่างไว้ในเชนเดียว แต่ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทุกครั้งที่ Solana ขยายตัว ก็ต้องเผชิญกับปัญหาเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ Solaxy เลเยอร์ขยายขนาดที่ไม่ได้หลีกเลี่ยงปัญหาของ Solana แต่เป็นตัวช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้เครือข่ายอย่างแท้จริง

เพราะ Solaxy ถูกออกแบบให้ประมวลผล off-chain และทำงานคล้าย Layer-2 ของ Ethereum เช่น Arbitrum และ Optimism แต่ต่างกันที่ Solaxy ไม่ลดทอนความเร็วในการยืนยันธุรกรรมเลยแม้แต่น้อย มันถูกวางเป็นโครงสร้างพื้นฐานคู่ขนาน ที่พร้อมช่วยให้ Solana เติบโตอย่างราบรื่นในอนาคต

Live Bridge ของ Solaxy ช่วยผลักดันให้ Solana ก้าวสู่การขยายขนาดแบบโมดูลาร์และเชื่อมต่อกับเชนอื่นได้ง่ายขึ้น

Live Bridge ของ Solaxy ซึ่งเชื่อมต่อกับ Solana Devnet ได้สำเร็จเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ถือเป็นก้าวสำคัญของโปรเจกต์ โดยสะพานนี้สร้างร่วมกับ Hyperlane ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่รองรับการโอนข้ามเชนมากกว่า 150 เครือข่าย คิดเป็นมูลค่าการโอนกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ และจะเชื่อมต่อกับ Ethereum mainnet เร็วๆ นี้

สะพานนี้รองรับการโอน SOL แบบ native โดยใช้ระบบที่ขับเคลื่อนด้วยตัวตรวจสอบ (validator) ซึ่งถูกออกแบบให้มีมาตรฐานเทียบเท่าการใช้งานจริง โดย Hyperlane จะเชื่อมต่อบล็อกเชนมากกว่า 150 เครือข่าย และรองรับมูลค่าการโอนข้ามเชนสูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ จึงได้รับความไว้วางใจอย่างกว้างขวางในฐานะหนึ่งในทีมชั้นนำด้านโครงสร้างพื้นฐานข้ามเชน

ระบบนี้ได้รับการปรับแต่งให้ทำงานสอดคล้องกับ Solana โซลูชั่น Layer-1 เพื่อมอบประสบการณ์ที่รวดเร็ว ปลอดภัย และให้ความรู้สึกเหมือนใช้งานบนเชนเดียวกันจริง ๆ โดยมีแผนรองรับการเชื่อมต่อกับ Ethereum mainnet ในเร็วๆ นี้

อย่าพลาดโอกาสสุดท้ายก่อนที่ Solaxy จะเปิดให้ใช้งานจริง

โซลูชั่น Layer-2 ของ Solaxy ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่กำลังพัฒนาอย่างจริงจัง ทำให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมรอบ Presale ได้ภายใน 28 วันที่เหลือผ่านเว็บไซต์ของ Solaxy พร้อมรับโทเค็น $SOLX ที่ได้รับสามารถนำไป Stake เพื่อรับผลตอบแทนสูงถึง 107% ต่อปี

ด้วยเครื่องมืออย่าง Live Bridge และการทำงานที่ไร้รอยต่อ Solaxy กำลังก้าวขึ้นมาเป็นตัวแปรสำคัญ ที่อาจช่วยให้ Solana ยืนหยัดและแข่งขันได้ในโลก DeFi ที่กำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของการทำงานข้ามเชนอย่างเต็มรูปแบบ

หากคุณต้องการเข้าร่วมก่อนช่วง Presale สิ้นสุดลง เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ Solaxy แล้วเชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินคริปโต Cold Wallet ที่รองรับ โทเค็น $SOLX เพื่อนำไป Stake และผลตอบแทนสูงถึง 107% ต่อปี โดยอัตรานี้จะปรับตามกิจกรรมและจำนวนผู้เข้าร่วมในพูล

โดย Best Wallet เป็นตัวเลือกกระเป๋าคริปโตที่ดีที่สุดในปี 2025 ที่จะช่วยให้คุณตรวจสอบการจัดสรร $SOLX ได้อย่างโปร่งใส พร้อมรองรับการใช้งานข้ามเชนได้อย่างราบรื่น

ติดตามข่าวสารล่าสุดของ Solaxy ได้ที่ Telegram และ X

เยี่ยมชม Solaxy 

<code>บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์</code>