อีแจมยอง (Lee Jae-myung) ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตของเกาหลีใต้ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ 21 ของประเทศ โดยมีคะแนนนำคู่แข่งแบบขาดลอย
Lee Jae-myung ปรากฏตัวพร้อมภรรยา คิมฮเยคยอง (Kim Hye-kyung) ที่หน้าบ้านพักในเขตกเยยาง เมืองอินชอน พร้อมกล่าวขอบคุณประชาชนด้วยท่าทีที่สุขุมและนอบน้อมว่า “แม้การนับคะแนนจะยังไม่สิ้นสุด แต่หากผลออกมาตามนี้จริง ผมขอคารวะต่อความชาญฉลาดของประชาชนผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งในครั้งสำคัญนี้ครับ ”
สิ่งที่ทำให้แคมเปญของ Lee Jae-myung โดดเด่นก็คือ แนวทางนโยบายที่กล้าเปิดรับโลกคริปโทฯอย่างเต็มตัว ซึ่งถือเป็นจุดยืนที่แตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อน ๆ โดย Lee Jae-myung เสนอให้สร้างเหรียญ Stablecoin ที่มีเงินวอนหนุนหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้เงินทุนของประเทศไหลออกไปสู่สกุลเงินดิจิทัลจากต่างชาติ
Lee Jae-myung ย้ำในระหว่างการดีเบตช่วงท้าย ๆ ของการหาเสียงว่า “เราต้องสร้างตลาด Stablecoin ที่อิงกับสกุลเงินของตัวเอง เพื่อปกป้องอธิปไตยทางเศรษฐกิจของชาติ”
อีกทั้ง Lee Jae-myung ยังผลักดันให้มีการออกกฎหมายรับรองการเปิดตัวกองทุน Spot ETF ในสินทรัพย์คริปโทฯ และชวนให้สถาบันใหญ่ ๆ อย่าง กองทุนบำนาญแห่งชาติ เข้ามาร่วมในตลาดคริปโทฯด้วย พร้อมให้คำมั่นว่า “ผมจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับคนรุ่นใหม่ให้สามารถลงทุนในอนาคต ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกกำกับดูแลอย่างเหมาะสม”
ด้านคู่แข่งที่พ่ายแพ้อย่าง คิมมุนซู (Kim Moon-soo) จากพรรคพลังประชาชน ถึงแม้จะสนับสนุน กองทุน Spot คริปโทฯ ETF และการมีส่วนร่วมของกองทุนบำนาญเช่นกัน แต่กลับมีจุดยืนที่ต่างกันชัดเจนในด้านกฎระเบียบ โดย Kim Moon-soo โจมตีนโยบาย “หนึ่งเว็บเทรด ต่อหนึ่งธนาคารร” ของเกาหลีใต้ ที่บังคับให้แต่ละเว็บเทรดต้องจับคู่กับธนาคารเพียงแห่งเดียว เพื่อยืนยันบัญชีชื่อจริง ซึ่ง Kim Moon-soo มองว่า นี่คืออุปสรรคที่ขัดขวางการแข่งขัน ทำให้แพลตฟอร์มเล็ก ๆ หรือแพลตฟอร์หน้าใหม่เติบโตได้ยาก เพราะหาธนาคารที่ยอมจับคู่ไม่ได้
ซึ่งกฎระเบียบนี้ถูกบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2018 และทำให้ชาวต่างชาติรวมถึงเยาวชนไม่สามารถเปิดบัญชีเทรดคริปโทฯ ได้อย่างถูกกฎหมาย เนื่องจากเป็นกฎระเบียบที่ป้องกันการฟอกเงิน
ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ชเวฮึงชิก (Choe Heung-sik) อดีตหัวหน้าสำนักงานกำกับดูแลการเงิน ได้เรียกร้องให้ธนาคารให้ความร่วมมือกับเว็บเทรดเพื่อวางโครงสร้างของระบบนิเวศคริปโทฯ ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ตั้งแต่ปี 2021 เกาหลีใต้ก็เดินหน้าออกกฎหมายใหม่ ๆ เพื่อกำกับดูแลคริปโทฯ มากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ การแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการรายงานและการใช้ข้อมูลธุรกรรมทางการเงินเฉพาะ ที่เริ่มบังคับใช้ในเดือนมีนาคม 2021 ซึ่งทำให้คริปโทฯ ได้รับสถานะทางกฎหมาย และกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล
โดยเว็บเทรดจะต้องมีบัญชีชื่อจริงผ่านธนาคาร, ได้รับใบรับรองระบบความปลอดภัยจากหน่วยงานความมั่นคงทางไซเบอร์ของเกาหลี, มีการรายงานข้อมูลให้กับหน่วยข่าวกรองทางการเงิน และปฏิบัติตามกฎการ KYC และ AML อย่างเคร่งครัด เพื่อความโปร่งใสและป้องกันกิจกรรมผิดกฎหมายในวงการคริปโทฯ ของเกาหลีใต้
ที่มา : cointrackdaily