ในยุคที่การเงินมีความไม่แน่นอน การลงทุนจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนรุ่นใหม่ ซึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายคือ “หุ้น” และ “คริปโทเคอร์เรนซี” ทั้งสองล้วนมีจุดเด่นแตกต่างกันไป ทำให้นักลงทุนมือใหม่จำนวนมากสงสัยว่าควรเริ่มจากอะไรก่อน
หลายคำถามที่ทุกคนสงสัย วันนี้เราจะพาคุณมาหาคำตอบในแบบฉบับมือใหม่ เข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด ๆ หากอ่านจบ รับรองเลือกได้เลยว่าตัวเองเหมาะกับทางไหน
หุ้นคืออะไร?
ก่อนอื่นเราจะมาทำความรู้จักกับ “หุ้น” (Stock) ว่าคืออะไร
หุ้น คือ ส่วนหนึ่งของความเป็นเจ้าของในบริษัทหนึ่ง
ถ้าคุณซื้อหุ้นของบริษัทหนึ่ง ก็แปลว่าคุณเป็นเจ้าของบริษัทนั้น “เล็ก ๆ” ด้วย
อธิบายให้เห็นภาพตามแบบฉบับมือใหม่ สมมุติบริษัท A มีทั้งหมด 100 หุ้น ถ้าคุณซื้อไว้ 1 หุ้น = คุณถือครองบริษัท A อยู่ 1%
และถ้าบริษัทได้กำไร คุณก็มีสิทธิ์ได้ส่วนแบ่งกำไรด้วย หรือถ้าหุ้นราคาขึ้น คุณก็สามารถขายทำกำไรได้
ถ้าซื้อหุ้นเราจะได้อะไร ?
หากเราตัดสินใจลงทุนกับหุ้นแล้ว จะได้รับผลตอบแทนสองทาง
ทางแรกคือ กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น หากเราซื้อหุ้นในราคาต่ำ แล้วราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น เมื่อเรานำหุ้นไปขายก็จะได้กำไร เช่น หากซื้อหุ้นในราคา 10 บาทต่อหุ้น และผ่านไป 1 ปี ราคาขึ้นเป็น 15 บาท หากขายในตอนนั้น ก็จะได้กำไร 5 บาทต่อหุ้น
ทางที่สองคือ เงินปันผล ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่บริษัทแบ่งจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น หากบริษัทมีกำไรและตัดสินใจแบ่งผลกำไรบางส่วนให้ผู้ถือหุ้นทุกคน เราก็จะได้รับเงินปันผลตามสัดส่วนของหุ้นที่ถือไว้
มีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน ?
หากพูดถึงความเสี่ยงในการลงทุนหุ้น อาจกล่าวได้ว่า เมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้น เราก็จะได้กำไร แต่หากราคาหุ้นลดลง ก็มีโอกาสขาดทุนเช่นกัน ดังนั้น ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง เราจึงควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจลงทุน
คริปโทฯคืออะไร ?
คริปโทฯ เป็นคำย่อของ “คริปโทฯเคอร์เรนซี” ( Cryptocurrency) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สินทรัพย์ดิจิทัล” ตัวอย่างที่คุ้นหู ได้แก่ Bitcoin และ Ethereum เหรียญเหล่านี้เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ( Blockchain) ในการทำธุรกรรมและจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายอำนาจ โดยไม่มีหน่วยงานกลางคอยควบคุม มูลค่าของคริปโทฯจึงขึ้นอยู่กับกลไกอุปสงค์และอุปทานในตลาด
อะไรคือเสน่ห์ของคริปโทฯ ?
หากจะกล่าวถึงการลงทุนในคริปโทฯ สิ่งแรกที่มักถูกพูดถึงคือเรื่อง เรื่องของโอกาสในการทำกำไร เนื่องจากราคาคริปโทฯสามารถผันผวนได้มากในระยะเวลาอันสั้น หากนักลงทุนซื้อในจังหวะราคาต่ำและขายเมื่อราคาสูง ก็อาจได้กำไรจำนวนมากในเวลาไม่นาน อย่างไรก็ตาม ความผันผวนนี้ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงสูงเช่นกัน จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
ถัดมาจะเป็นเรื่องของความโปร่งใส เนื่องจากการซื้อขายหรือทำธุรกรรมต่าง ๆ จะไม่ผ่านตัวกลาง เช่น รัฐบาลหรือธนาคาร แต่ดำเนินการผ่านระบบบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ ข้อมูลธุรกรรมทั้งหมดจะถูกบันทึกแบบสาธารณะและตรวจสอบได้โดยทุกคน จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการโกงหรือการปลอมแปลงข้อมูล
นอกจากนี้ อีกหนึ่งข้อดีของการลงทุนในคริปโตคือเรื่องของค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับการลงทุนผ่านช่องทางแบบดั้งเดิม เช่น หุ้น หรือกองทุน ที่มักมีค่าใช้จ่ายแฝงหลายรูปแบบ การทำธุรกรรมคริปโตไม่จำเป็นต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคารหรือโบรกเกอร์ จึงช่วยลดต้นทุนในการซื้อขาย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำธุรกรรมบ่อย ๆ หรือในปริมาณมาก ข้อได้เปรียบนี้ช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับนักลงทุน และเอื้อต่อกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นในตลาดที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

แล้วมือใหม่ควรเลือกอะไรดี ?
คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับ “นิสัยการลงทุน” และ “ระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้”
หากคุณเป็นคนที่ชอบความมั่นคง ไม่ต้องการเสี่ยงมากนัก และอยากเริ่มต้นลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไป หุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีผลประกอบการมั่นคงในตลาดหลักทรัพย์ จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า เพราะมีข้อมูลให้ศึกษาชัดเจน และมีการกำกับดูแลอย่างเป็นระบบ
แต่ถ้าคุณเป็นสายที่รับความเสี่ยงได้ ชอบความตื่นเต้น และมีเวลาติดตามข่าวสารหรือเทรนด์ของโลกอยู่เสมอ คริปโทฯก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม คุณต้องศึกษาข้อมูลให้เพียงพอ และเข้าใจลักษณะของตลาดคริปโทฯอย่างลึกซึ้งก่อนเริ่มลงทุน เพราะความผันผวนสูงอาจนำไปสู่การขาดทุนได้ หากตัดสินใจด้วยความประมาทไม่ว่าคุณจะเลือกลงทุนในหุ้นหรือคริปโทฯ สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าลงทุนตามคนอื่น แต่ควรศึกษาข้อมูลด้วยตนเองให้รอบด้าน วางแผนอย่างรอบคอบ และลงทุนอย่างมีสติ เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง

