Societe Generale ธนาคารยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส กลายเป็นธนาคารรายใหญ่เจ้าแรกที่เปิดตัวเหรียญ Stablecoin ที่ Peg กับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดย Societe Generale เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า กำลังเตรียมจะปล่อยเหรียญเหรียญดอลลาร์ดิจิทัลที่ชื่อว่า “USD CoinVertible” ผ่านบริษัทลูกด้านสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง SG-FORGE โดยจะสามารถซื้อขายได้แบบสาธารณะ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ บนเครือข่าย Ethereum และ Solana
Stablecoin คือเหรียญคริปโตที่มูลค่า Peg อยู่กับสกุลเงินดอลลาร์ ทำให้สามารถโอนเงินจำนวนมากผ่านบล็อกเชนได้ โดยไม่ต้องพึ่งระบบธนาคารแบบเดิม ซึ่งตลาดนี้เติบโตเร็วมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเหรียญ USDT ของ Tether ที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 155,000 ล้านดอลลาร์เข้าไปแล้วในปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ บริษัท SG-FORGE เคยออกเหรียญ Stablecoin ที่ Peg กับเงินยูโรมาตั้งแต่ปี 2023 แต่ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก และตอนนี้มีเหรียญหมุนเวียนอยู่ประมาณ 41.8 ล้านยูโร
อย่างไรก็ตาม Stablecoin ทั้งแบบยูโรและดอลลาร์ของ Societe Generale ถูกจัดเป็น e-money token และอยู่ภายใต้กฎ MiCA ซึ่งเป็นกฎหมายคริปโตสำคัญของ EU ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2023 ขณะที่ฝั่งของ Tether ยังไม่มีใบอนุญาตในการดำเนินงานตามกฎหมายนี้
Jean-Marc Stenger ซีอีโอของบริษัท SG-FORGE กล่าวว่า ตอนนี้ตลาดมีความต้องการเหรียญ Stablecoin ที่ออกโดยสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างจริงจัง ทั้งจากฝั่งบริษัทเอกชน สถาบันการเงิน ไปจนถึงแพลตฟอร์มคริปโตต่าง ๆ
“ในตอนนี้ยังไม่มีสถาบันการเงินเจ้าไหนลงมาเล่นตลาดนี้เลย ซึ่งมันคือความต้องการชัดเจนที่เราได้รับจากลูกค้า”
รูปแบบธุรกิจของผู้ให้บริการ Stablecoin คือ การรับเงินจริงจากลูกค้า แล้วออกเหรียญ Stablecoin ให้แทน จากนั้นจะนำเงินจริงที่ได้มาไป ลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน เช่น พันธบัตรรัฐบาล
บริษัท SG-FORGE ได้แต่งตั้ง BNY ให้เป็นผู้ดูแลสินทรัพย์สำรองของเหรียญ โดยในเฟสแรกจะเก็บสินทรัพย์สำรองไว้ในรูปของ เงินสดก่อน จากนั้นจึงจะทยอยลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ในภายหลัง
USD CoinVertible จะสามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายคริปโต, การโอนเงินข้ามประเทศ, ธุรกรรมฟอเร็กซ์ หรือการจัดการหลักประกัน โดยจะถูกลิสต์บนแพลตฟอร์มเทรดคริปโตหลายแห่ง (แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อ) และตอนนี้มีแพลตฟอร์มกับโบรกเกอร์มากกว่า 15 รายที่กำลังเข้ามาเป็นลูกค้าแล้ว
ที่มา : reuters

