แม้สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะทวีความรุนแรงขึ้น แต่ดัชนี Crypto Fear & Greed ยังคงอยู่ในโซน “ความโลภ” โดยล่าสุดมีคะแนนอยู่ที่ 60 ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ยังไม่ถูกสั่นคลอนจากสงคราม
ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดี ดัชนีแตะระดับ 71 ก่อนที่ราคา Bitcoin จะปรับตัวลดลงเล็กน้อย 2.8% เหลือ 103,000 ดอลลาร์ หลังเกิดเหตุเสียงระเบิดดังในกรุงเตหะรานเวลาประมาณ 22:50 UTC ซึ่งมีรายงานว่าอิสราเอลเป็นผู้โจมตี และอิหร่านได้ตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธจำนวนมากในคืนวันศุกร์
Bitcoin พักฐานใกล้แนวต้านเดิม
ราคา Bitcoin ยังคงยืนเหนือ 100,000 ดอลลาร์ โดยล่าสุดอยู่ที่ 105,670 ดอลลาร์ ขณะที่จุด ATH เดิมอยู่ที่ 111,970 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า Bitcoin ยังคงแข็งแกร่งแม้ท่ามกลางข่าวลบ ด้านนักวิเคราะห์คริปโตชื่อดังอย่าง “Za” ได้ทวีตว่า “Bitcoin ยังดูเหมือนไม่สะทกสะท้านกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน”
ด้าน Anthony Pompliano ผู้ร่วมก่อตั้ง Morgan Creek Digital กล่าวว่า “Bitcoin นั้นไม่ร่วง” และยังยืนเหนือระดับจิตวิทยาที่ 100,000 ดอลลาร์ได้สำเร็จ ซึ่งกลับมายืนได้อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม หลังจากร่วงไปนานกว่า 3 เดือน
นักเทรดอาจพอร์ตแตกจำนวนมหาศาลหากหลุด 100,000 ดอลลาร์
แม้แนวโน้มยังดูดี แต่หาก Bitcoin หลุดระดับ 100,000 ดอลลาร์อีกครั้ง อาจส่งผลกระทบต่อนักเทรดที่เปิด Long ซึ่งมี Position มูลค่ารวมกว่า 1.74 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก CoinGlass ซึ่งอาจเกิดการเทขายในระยะสั้น
กองทุน Bitcoin ETF มีเงินไหลเข้าจำนวนมหาศาล
ความเชื่อมั่นของตลาดยังได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน Bitcoin ETF อย่างต่อเนื่อง โดยในนี้ มีเงินไหลเข้าถึง 1.37 พันล้านดอลลาร์
ในทางกลับกัน กองทุน Ethereum ETF กลับลดลง โดยยุติสถิติการไหลเข้าติดต่อกัน 19 วัน หลังมีเงินไหลออกสุทธิ 2.1 ล้านดอลลาร์ในวันศุกร์
การร่วงรอบนี้ “เบากว่า” เดือนเมษายน
ราคา Bitcoin ในรอบนี้ยังยืนได้ดีกว่าการโจมตีในเดือนเมษายน 2024 ซึ่งอิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอลโดยตรงครั้งแรก ทำให้ BTC ร่วงถึง 8.4% ในวันที่ 13 เมษายน
แม้วันนั้น ดัชนี Fear & Greed Index อยู่ในโซน “ความโลภ” ที่ระดับ 72 แต่หลังเหตุการณ์ผ่านมาเพียง 2 สัปดาห์ ดัชนีก็ลดลงสู่ระดับ “ความกลัว” ที่ 43 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม แสดงให้เห็นว่าสงครามอาจส่งผลสะสมต่อความรู้สึกของตลาดในระยะถัดไป
Source: Cointelegraph

