<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เตือนภัย ! ข้อมูลรหัสผ่าน Apple-Google หลุด 1.6 หมื่นล้านราย อาจนำไปใช้เจาะ 2FA และขโมยคริปโต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ชุมชนคริปโตเริ่มตื่นตระหนกกันอีกครั้ง หลังทีมนักวิจัยจากเว็บไซต์ Cybernews เปิดเผยว่าได้ค้นพบข้อมูลรหัสผ่านและบัญชีผู้ใช้งานที่รั่วไหลออกมาสู่สาธารณะมากถึง 16,000 ล้านรายการ ซึ่งนับว่าเป็นการ “สะสมช่องโหว่” จากหลายเหตุการณ์ ไม่ใช่การแฮ็กครั้งเดียว แต่กลับน่ากังวลยิ่งกว่า เพราะมันเป็นเหมือน “คู่มือแฮ็กสำเร็จรูป” ให้กับอาชญากรไซเบอร์แบบพร้อมใช้

แม้ในรายงานจะไม่ได้ระบุชื่อเว็บคริปโตโดยตรง แต่ก็พบว่ามีแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องอย่าง Telegram ซึ่งชาวคริปโตใช้ติดต่อกันอยู่เป็นประจำ ถูกระบุว่ามีข้อมูลหลุดอย่างชัดเจน นั่นจึงยิ่งตอกย้ำความกังวลว่า แพลตฟอร์มซื้อขาย หรือกระเป๋าเก็บคริปโต อาจมีความเสี่ยงโดยที่ผู้ใช้งานไม่รู้ตัว

ข้อมูลที่หลุดออกมาครอบคลุมทุกวงการ ตั้งแต่โซเชียลมีเดีย ธนาคาร แพลตฟอร์ม VPN ไปจนถึงบริการคลาวด์ ซึ่งน่าเป็นห่วงที่สุดคือ “ข้อมูลเหล่านี้มีความใหม่” และ “เกิดจากการรวบรวมช่องโหว่ย่อย ๆ หลายจุด” ที่อาจดูไม่รุนแรงในตัวเอง แต่เมื่อนำมารวมกัน ก็เพียงพอที่จะสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาล 

แม้จะยังไม่มีรายงานตรงว่า Seed Phrase หรือบัญชีเว็บเทรดคริปโตหลุดออกไป แต่คำถามที่หลายคนเริ่มตั้งก็คือ “แล้วเราจะแน่ใจได้แค่ไหน ว่าเงินคริปโตที่เก็บไว้ยังปลอดภัย?”

ด้าน Paolo Ardoino ซีอีโอของ Tether ก็ออกมาเน้นย้ำถึงการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม พร้อมโปรโมตโครงการใหม่ของบริษัทที่มุ่งเน้นการปกป้องรหัสผ่านผู้ใช้งานโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่นักวิจัย Cybernews เตือน คือ ช่องโหว่ส่วนใหญ่เกิดจาก “ผู้ใช้เก็บรหัสผ่านไว้บนคลาวด์” ซึ่งเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่แฮ็กเกอร์เล็งเป้าอยู่แล้ว

สำหรับผู้ที่ถือครองคริปโต เพื่อเป็นการปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลของคุณให้ปลอดภัยสูงสุด สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ การหลีกเลี่ยงการจัดเก็บ รหัสผ่าน หรือ Seed Phrase ไว้บน Cloud โดยเด็ดขาด ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้เป็นอย่างดี 

อีกวิธีที่หลายคนแนะนำคือการ จด Seed Phrase ลงบนกระดาษ และเก็บไว้ในที่ปลอดภัย เพราะวิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญของคุณไปอยู่ในระบบออนไลน์ที่อาจถูกแฮ็กได้ง่ายๆ นอกจากนี้ ควรเปิดใช้งานระบบยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (2FA) ทุกครั้งที่มีการเข้าสู่ระบบ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้น และ อย่าลืมเปลี่ยนรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกเข้าถึงบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต 

ที่มา : beincrypto