<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ตลาดคริปโตแดงยกแผง ! หวั่นตึงเครียด อิหร่านขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซ เส้นเลือดใหญ่ของโลก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ราคา Bitcoin ร่วงดิ่งทะลุแนวรับสำคัญที่ 98,200 ดอลลาร์ เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา (22 มิถุนายน) หลังอิหร่านส่งสัญญาณเตรียมปิด “ช่องแคบฮอร์มุซ” เส้นทางเดินเรือพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างความกังวลว่าอาจเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่สู่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง 

ข้อมูลจาก TradingView เผยให้เห็นว่า กราฟราคา BTC/ USDT บนเว็บเทรด Binance ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบวันบริเวณประมาณ $98,200 เมื่อช่วงเวลาประมาณ 20:00 น. ของวันที่ 22 มิถุนายน ก่อนที่จะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือแนว $101,000 ได้ในขณะที่รายงาน โดยมีแรงซื้อเข้ามามากพอที่จะช่วยให้ราคาที่เคยลดลงก่อนหน้านั้นสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ หลังจากเกิดแรงเทขายอย่างหนักในช่วงเวลากลางคืนที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์หลายรายคาดว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ราคา Bitcoin ร่วงลงในครั้งนี้ มาจากความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านที่อาจลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งทางทหารอย่างเต็มรูปแบบ 

โดยเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมาโลกต้องตกตะลึงกับปฏิบัติการครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ตัดสินใจเปิดฉากโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างเป็นทางการ โดยใช้ทั้งระเบิดเจาะบังเกอร์จากเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 และขีปนาวุธโทมาฮอว์กจากเรือดำน้ำ รวมกว่า 30 ลูก มุ่งเป้าไปยังสถานที่สำคัญทางนิวเคลียร์สามแห่ง ได้แก่ เมืองฟอร์โดว์ อิสฟาฮาน และนาตันซ์ การโจมตีดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นศักยภาพในการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่าน ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงโลก

ทันทีที่ข่าวการโจมตีแพร่ออกไป ปฏิกิริยาจากนานาประเทศและกลุ่มพันธมิตรก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ฝ่ายอิหร่านประณามปฏิบัติการครั้งนี้อย่างรุนแรง โดยองค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่าน (AEOI) ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะไม่ยุติโครงการนิวเคลียร์ และกล่าวหาว่าสหรัฐฯ ละเมิดสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT) พร้อมตำหนิหน่วยงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ว่าสมรู้ร่วมคิดกับสหรัฐฯ ในครั้งนี้

ในขณะเดียวกัน อิสราเอลแสดงท่าทีสนับสนุน โดยนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ออกมาชื่นชมว่าเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญ และจะเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ ด้านกลุ่มฮูตีในเยเมน ซึ่งเป็นพันธมิตรของอิหร่าน ได้ออกมาเตือนว่า สหรัฐฯ จะต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่ตามมา พร้อมขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยการโจมตีเรือรบสหรัฐฯ ในทะเลแดง

เสียงเรียกร้องจากภายในอิหร่านก็ดังขึ้นเช่นกัน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Kayhan เสนอให้รัฐบาลอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญด้านพลังงานของโลก และเรียกร้องให้ยิงขีปนาวุธตอบโต้เรือรบสหรัฐฯ โดยทันที

หลังจากเกิดเหตุการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้น อิหร่านยังไม่ได้ดำเนินการปิดช่องแคบฮอร์มุซในทันที แม้จะมีรายงานว่ารัฐสภาเริ่มกระบวนการร่างกฎหมายเพื่ออนุมัติการปิดเส้นทางขนส่งน้ำมันสายสำคัญนี้แล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดคริปโต ซึ่งตอบสนองต่อสถานการณ์ด้วยแรงเทขายอย่างรวดเร็วจากความวิตกกังวลว่ากลายเป็นความขัดแย้งทางทหารเต็มรูปแบบ

ท่ามกลางบรรยากาศที่ผันผวนนี้ ตลาดคริปโตยังคงเผชิญกับแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม Altcoins ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงมากกว่า โดยจากข้อมูลของ Banterbubbles แสดงให้เห็นว่าเหรียญ Altcoins ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงตามการอ่อนตัวของ Bitcoin ที่ร่วงลง -1.46% เช่นเดียวกับเหรียญขนาดใหญ่อื่นๆ อย่าง ETH ที่ลดลง -1.49% และ SOL ที่ลดลง -1.91%

เหรียญ Altcoins หลายตัวร่วงแรงเกินกว่า -3% เช่น RENDER ที่ร่วงถึง -4.93%, FIL ที่ -4.70%, PEPE ที่ -4.68% และ DOT ที่ -4.42% ขณะที่เหรียญสายมีมอย่าง BONK, FLOKI และ WIF ก็ไม่รอดจากแรงกดดันของตลาด ปรับตัวลดลงระหว่าง -3.7% ถึง -3.9%

อย่างไรก็ตาม ตลาดก็ยังพอมีสัญญาณบวกจาก Altcoins บางตัวที่สามารถปรับตัวขึ้นสวนกระแสได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะ IP ที่พุ่งขึ้นแรงถึง +11.38%, HYPE ที่เพิ่มขึ้น +7.35% และ S ที่บวกได้ +6.72% ขณะที่เหรียญ KAIA และ OKB ก็ยังสามารถยืนบวกได้ที่ +5.47% และ +4.48% ตามลำดับ

ภาพรวมตลาดในวันนี้จึงสะท้อนถึงภาวะ “Risk-Off” อย่างชัดเจน โดยนักลงทุนยังคงระมัดระวังความเสี่ยงสูงในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะที่การเคลื่อนไหวของ Altcoins ยังคงผันผวนตามสภาวะของตลาดโลก สงครามระหว่างสหรัฐและอิหร่านเป็นหลัก