หุ้นของ KakaoPay บริษัทในเครือ Kakao ยักษ์ใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ตของเกาหลีใต้ ได้เห็นราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 200% ในเดือนที่ผ่านมา หลังมีการคาดการณ์ว่า บริษัทอาจเตรียมขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด stablecoin ในเร็ว ๆ นี้
ตามข้อมูลจาก Google Finance ราคาหุ้นของ KakaoPay พุ่งขึ้นกว่า 208% จาก 30,800 วอน (22.25 ดอลลาร์) มาอยู่ที่ 94,700 วอน (68.6 ดอลลาร์) เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ขณะที่ในเช้าวันจันทร์ ราคาหุ้นของบริษัทก็ยังคงพุ่งขึ้นต่ออีก 17.3%
การพุ่งขึ้นของหุ้น KakaoPay เกิดขึ้นไม่นานหลังจากประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ นาย Lee Jae Myung ประกาศจุดยืนสนับสนุนการใช้ Stablecoin ที่มีเงินสกุลท้องถิ่นหนุนหลัง โดยมีแผนผลักดันร่วมกับภาคเอกชน
นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือมิถุนายนที่ผ่านมา สมาชิกสภานิติบัญญัติของเกาหลีใต้ยังได้เสนอกฎหมายเพื่อเร่งรัดการอนุมัติ stablecoin ที่ใช้สกุลเงินวอนเกาหลีควบคู่ไปกับนโยบายคริปโตอื่น ๆ ของประธานาธิบดี Lee
กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ Kakao จะเข้าสู่ธุรกิจ stablecoin ยิ่งชัดเจนมากขึ้น เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแพลตฟอร์มชำระเงินของบริษัทได้ยื่นขอจดสิทธิบัตร stablecoin จำนวน 6 รูปแบบ ได้แก่ PKRW, KKRW, KRWP, KPKRW, KRWKP และ KRWK ซึ่งสัญลักษณ์เหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นการผสมระหว่างชื่อ Kakao หรือ KakaoPay เข้ากับสกุลเงินวอนของเกาหลีใต้ (KRW)
นอกจากนี้ คำขอจดสิทธิบัตรดังกล่าวถูกยื่นใน 3 หมวดหมู่ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ บริการทางการเงิน และการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยในหมวดบริการทางการเงิน ระบุประเภทของบริการอย่างชัดเจน คือ การโอนสกุลเงินคริปโต การเป็นนายหน้าซื้อขาย การชำระเงินด้วยเงินอิเล็กทรอนิกส์ และการออกโทเคน
KakaoPay ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวท้องถิ่น ZDNET Korea ว่าการยื่นขอจดสิทธิบัตรในครั้งนี้เป็นมาตรการเชิงรุก เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับกฎระเบียบที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับ stablecoin โดยบริษัทจะยังคงติดตามพัฒนาการของสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน รายงานจาก Eugene Investment and Securities ระบุว่า KakaoPay มีแนวโน้มจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์หลักจากการพัฒนา stablecoin ในเกาหลีใต้ เนื่องจากรูปแบบธุรกิจในปัจจุบันเอื้อต่อการนำ stablecoin มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยรายงานได้อธิบายว่า “เมื่อ stablecoin เข้ามาแทนที่ระบบการชำระเงินและการโอนเงิน ความสามารถในการออกโทเคนโดยตรงจะขึ้นอยู่กับปริมาณสินทรัพย์ค้ำประกันที่ถืออยู่ ซึ่งในกรณีนี้คือยอดเงินล่วงหน้าที่ผู้ใช้งานเติมไว้ในระบบ”
ปัจจุบัน KakaoPay มียอดเงินล่วงหน้าจากผู้ใช้ประมาณ 4.29 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยระบบเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินก่อนแล้วค่อยนำไปใช้จ่ายของ KakaoPay ถือเป็นรูปแบบที่เหมาะสมต่อการนำ stablecoin มาใช้งาน
ขณะเดียวกัน เกาหลีใต้กำลังพยายามออกกฎหมายเกี่ยวกับ stablecoin เพื่อให้ทันกับความเคลื่อนไหวและพัฒนาการด้านกฎระเบียบที่รวดเร็วในสหรัฐอเมริกา อย่างกฎหมาย GENIUS Act ซึ่งเป็นกฎหมายพื้นฐานสำหรับ stablecoin และผู้ออกเหรียญ
ทั้งนี้ กฎหมาย GENIUS Act เพิ่งผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา และกำลังรอการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่เกาหลีใต้พยายามเตรียมความพร้อมด้านกฎหมายเพื่อตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดคริปโตและเทคโนโลยีการเงินที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในระดับโลก
ที่มา : The Block