สงครามในตะวันออกกลางถือเป็นประเด็นร้อนที่ทั่วโลกจับตา แต่คุณรู้หรือไม่ว่าความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลที่ปะทุขึ้นเพียง 12 วัน ได้กลืนกินงบประมาณไปมหาศาล และหากเทียบเป็นมูลค่าคริปโทฯ แล้ว มันน่าตกใจถึงขนาดที่ว่า เงินที่ใช้ไปกับสงครามครั้งนี้ มีมูลค่าเทียบเท่ากับ 1% ของอุปทาน Bitcoin ทั้งหมดเลยทีเดียว
ตามรายงานจาก Opportunity Cost ซึ่งเป็นเครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยแปลงการใช้จ่ายทั่วโลกเป็นมูลค่า BTC ได้เปิดเผยตัวเลขที่ชวนอึ้งว่า ความขัดแย้งระยะสั้นๆ ระหว่าง 2 ประเทศ ได้สร้างความเสียหายทางการเงินรวมกันกว่า 25,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 240,837 BTC ณ ราคาปัจจุบัน
แพลตฟอร์มดังกล่าวยังได้เจาะลึกลงไปอีกว่า อิสราเอล ได้ยิงขีปนาวุธสกัดกั้นรุ่น Arrow ที่มีราคาประมาณ 3 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 28.3 BTC ต่อลูก เพื่อตอบโต้ขีปนาวุธของอิหร่านที่มีราคาประมาณ 2 ล้านดอลลาร์ หรือ 18.9 BTC ต่อลูก การแลกเปลี่ยนการโจมตีในลักษณะนี้เกิดขึ้นเกือบทุกคืนเป็นเวลาเกือบสองสัปดาห์ โดยอิสราเอลได้ยิงขีปนาวุธสกัดกั้นเหล่านี้ไปประมาณ 50 ถึง 100 ลูก
ทางฝั่งของอิหร่าน ได้มีการเน้นกลยุทธ์การโจมตีด้วยปริมาณ โดยใช้ขีปนาวุธนำวิถีกว่า 400 ลูก และโดรนมากกว่า 1,000 ลำ ซึ่งค่าใช้จ่ายสำหรับอาวุธที่ใช้ในการโจมตีนี้ เพียงอย่างเดียวสูงถึงประมาณ 7,554 BTC ในขณะที่อิสราเอลเองก็ใช้จ่ายไปอย่างน้อย 2,124 BTC สำหรับขีปนาวุธสกัดกั้น Arrow ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การป้องกันขีปนาวุธของพวกเขา
สหรัฐอเมริกา ยังส่วนร่วมในความขัดแย้งนี้ด้วยเช่นกัน ผ่านปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่ถูกตั้งชื่อว่า “Midnight Hammer” โดยภารกิจนี้ เกี่ยวข้องกับการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนจำนวน 7 ลำ เข้าโจมตีศูนย์เสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ทั้ง 3 แห่งของอิหร่าน ซึ่งการโจมตีครั้งนี้ถูกประมาณการว่า ได้เพิ่มค่าใช้จ่ายไปอีกประมาณ 9,400 BTC
เมื่อความขัดแย้งสิ้นสุดลง ตัวเลขที่ชัดเจนคือ ทั้งสามประเทศได้ใช้ทรัพยากรที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับประมาณ 1% ของอุปทาน Bitcoin ทั้งหมด หรือคิดเป็น 240,837 BTC ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงต้นทุนของสงครามในยุคปัจจุบันได้อย่างชัดเจนและน่าตกใจ
ที่มา:cryptoslate