<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เดามั่วหรือมีสิทธิ์เกิดจริง ? รายงาน VC ชี้ราคา XRP อาจพุ่งแตะ 9,000 ดอลลาร์ใน 5 ปี

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บริษัทวิเคราะห์ด้านการเงิน Valhil Capital ปล่อยรายงานที่เรียกเสียงฮือฮาในหมู่นักลงทุน หลังคาดการณ์ว่า XRP อาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 4,813 ดอลลาร์ ไปจนถึง 9,000 ดอลลาร์ ภายในปี 2030 หรือในอีกแค่ 5 ปีข้างหน้า 

เบื้องหลังการคาดการณ์นี้ไม่ใช่แค่การเดาสุ่ม แต่ใช้โมเดลเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อว่า Athey & Mitchnick ซึ่งมองว่า XRP ไม่ได้เป็นแค่เหรียญคริปโตสำหรับโอนเงินข้ามประเทศเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพในการเป็น “สินทรัพย์ที่เก็บรักษามูลค่าได้” แบบเดียวกับทองคำ 

แนวคิดหลักของโมเดลนี้คือ ถ้าคนเริ่มถือ XRP ไว้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ปล่อยออกมา ราคาก็จะยิ่งถูกผลักดันให้สูงขึ้น เพราะเหรียญที่หมุนเวียนในตลาดมีจำกัด ซึ่งโมเดลนี้ยังรวมข้อมูลการใช้งานจริง พฤติกรรมของผู้ถือเหรียญ และแนวโน้มในตลาดคริปโตมาวิเคราะห์ร่วมกัน 

แต่คำถามคือ ราคาที่ว่าเกือบหมื่นดอลลาร์นี้ จะเป็นแค่ความฝัน หรือมีโอกาสเกิดขึ้นจริง?  เพราะถ้าโมเดลนี้แม่นจริง อาจมีใครบางคนกำลังถือ “ทองคำดิจิทัล” อยู่ในพอร์ตแล้วก็เป็นได้

รายงานระบุว่า โมเดลนี้ใช้สมมติฐานที่ว่า มูลค่าการทำธุรกรรมต่อวันบน XRP Ledger จะพุ่งแตะ 700,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 พร้อมกับสมมติให้ XRP มีความเร็วในการทำธุรกรรมระดับ 1 วินาที และมีอุปทานหมุนเวียนที่ 5.65 หมื่นล้านเหรียญ

ภายใต้การคาดการณ์นี้ หาก XRP มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 10% ของธุรกรรมการชำระเงินทั่วโลก ราคา XRP อาจพุ่งไปถึง 4,813 ดอลลาร์ ได้

และถ้าบทบาทของ XRP ในฐานะสินทรัพย์ที่เก็บรักษามูลค่า (Store of Value) สามารถแตะระดับ 1 ควอดริลเลียนดอลลาร์ (เท่ากับ 1,000 ล้านล้านล้านดอลลาร์) ราคาของ XRP ก็อาจทะยานเกิน 9,000 ดอลลาร์! แม้ในกรณีที่ความต้องการมีเพียงแค่ 100 ล้านล้านดอลลาร์ ราคา XRP ก็ยังสามารถพุ่งถึง 908 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ได้อยู่ดี

รายงาน Valhil Capital ยังชี้ว่า วัฏจักรเชิงบวกที่เรียกว่า “Virtuous Cycle Flywheel” อาจกลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ 

พูดง่าย ๆ ก็คือ ยิ่งมีการใช้ XRP ในการโอนเงินข้ามประเทศ หรือแลกเปลี่ยนสกุลเงินมากเท่าไร ความต้องการก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ราคาก็ยิ่งสูงขึ้น ซึ่งยิ่งดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาถือเหรียญไว้มากขึ้นกลายเป็นวงจรที่หมุนต่อเนื่อง ส่งผลให้เหรียญก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตามเส้นทางของ XRP จะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะการนำ XRP ไปใช้ในวงกว้างก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากยังมีข้อถกเถียงด้านกฎหมาย โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่ยังไม่ชัดเจนว่า XRP เป็นหลักทรัพย์หรือไม่ ซึ่งอาจทำให้สถาบันการเงินใหญ่ ๆ ไม่กล้าเข้าร่วม 

อีกทั้งยังต้องเผชิญการแข่งขันจาก CBDC, Stablecoin และบล็อกเชนคู่แข่งอื่น ๆ ที่หวังเข้าชิงตลาดการโอนเงินข้ามประเทศกันอย่างดุเดือด

รายงานจาก Valhil Capital เน้นย้ำว่า ตัวเลขที่คาดการณ์นี้ถือว่า “ไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกินไป” เพราะยังไม่ได้รวมตลาดขนาดใหญ่อย่างอนุพันธ์หรืออสังหาริมทรัพย์เข้าไป แถมยอมรับว่าไม่สามารถคาดการณ์ได้แน่ชัดว่า ในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย หรือการใช้งานใหม่ ๆ แบบไหนที่อาจเกิดขึ้นกับ XRP อีกบ้าง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยังคงมีความไม่แน่นอน

ที่มา : cryptorank