แม้แผนฟื้นฟูกิจการของ FTX จะยังเดินหน้าต่อไปได้ตามขั้นตอน แต่ล่าสุดกลับมีประเด็นดราม่าจากฝั่งเจ้าหนี้ในหลายประเทศ หลัง FTX Recovery Trust ยื่นเอกสารต่อศาลสหรัฐฯ ระบุว่า ขณะนี้มีการ “ระงับการจ่ายเงินคืน” ให้เจ้าหนี้ใน 49 ประเทศทั่วโลก เนื่องจากข้อกฎหมายท้องถิ่นในบางประเทศยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการรับเงินคืนในรูปแบบคริปโตเคอร์เรนซี
ประเทศที่ได้รับผลกระทบในรอบนี้รวมถึง จีน, ไนจีเรีย, ฟิจิ, แอนดอร์รา และซิมบับเว ซึ่งในภาพรวมคิดเป็นเพียง 5% ของจำนวนเคลมทั้งหมด แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ “จีนเพียงประเทศเดียว กลับมีมูลค่าเคลมที่ถูกอายัดมากถึง 82% ของทั้งหมดในกลุ่มประเทศต้องห้าม” ทำให้กลุ่มเจ้าหนี้จีนได้รับผลกระทบหนักที่สุด
FTX ระบุว่า ขณะนี้ทางทีมกฎหมายยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการโอนเงินคืนไปยังประเทศเหล่านี้จะขัดต่อกฎหมายท้องถิ่นหรือไม่ จึงใช้วิธีที่เรียกว่า “Hold-and-Review” โดยจะจัดกลุ่มเคลมของประเทศเหล่านี้ให้อยู่ในสถานะ “Disputed” หรือมีข้อพิพาท และจะยังไม่ดำเนินการจ่ายคืน จนกว่าจะได้รับคำแนะนำทางกฎหมายอย่างชัดเจน
สถานการณ์กลับน่าปวดหัวขึ้นไปอีก เพราะเจ้าหนี้บางคนได้ชี้ให้เห็นว่าแม้พวกเขาจะย้ายมายังประเทศที่เอื้ออำนวยต่อคริปโตแล้วก็ยังไม่สามารถเคลมเงินคงค้างดังกล่าวได้ ซึ่งทางเจ้าหนี้บางคนได้เสนอทางแก้ไขเบื้องต้นให้ทำการขายหรือโอนสิทธิของตนให้กับนักเทรดรายอื่นที่อาศัยอยู่ในประเทศอื่นแทน แต่นั่นก็ยังไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
ด้านหนึ่งในเจ้าหนี้จากจีนที่ใช้ชื่อว่า “Will的折腾纪” บนโซเชียลมีเดีย ได้ออกมาเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน โดยเปิดเผยว่า เขาได้ว่าจ้างทนายในนิวยอร์กเพื่อเตรียมดำเนินคดีกับ FTX ทันที เขาชี้ว่ากฎหมายจีนยังอนุญาตให้ประชาชนถือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และคริปโตไว้ในต่างประเทศได้ ดังนั้นการที่ FTX เลือกจะอายัดเงินในรูปแบบ USD ด้วย ก็ถือว่า “เกินกว่าเหตุ”
Will ยังตั้งข้อสังเกตว่า แม้จีนจะห้ามการซื้อขายคริปโต แต่ประชาชนยังสามารถถือครองคริปโตและเงินดอลลาร์ในต่างประเทศได้อย่างถูกกฎหมาย อีกทั้ง FTX เองก็เคยประกาศชัดเจนว่าจะคืนเงินเจ้าหนี้ในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐฯ จึงตั้งคำถามว่า “แล้วเหตุใดถึงไม่สามารถโอนเงินคืนได้?”
เขายังเรียกร้องให้เจ้าหนี้รายอื่นที่ได้รับผลกระทบในลักษณะเดียวกัน อย่าเงียบ และลุกขึ้นมาแสดงจุดยืนร่วมกัน เพราะนี่คือสิทธิพื้นฐานที่พวกเขาควรได้รับคืนอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส
อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพรวม สถานการณ์การฟื้นฟูของ FTX ยังมีสัญญาณเชิงบวกอยู่บ้าง เมื่อข้อมูลล่าสุดเผยว่า จำนวนเคลมที่มีข้อพิพาทลดลงจาก 6.5 พันล้านดอลลาร์ เหลือ 4.6 พันล้านดอลลาร์ โดยมีมูลค่าเคลมกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ที่ได้รับการอนุมัติให้ชำระคืนเรียบร้อยแล้ว และอีก 2.7 พันล้านดอลลาร์กำลังอยู่ระหว่างการอนุมัติ หากรวมทั้งหมด FTX ได้ยืนยันการจ่ายคืนเจ้าหนี้ไปแล้วมากกว่า 8.3 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นความคืบหน้าสำคัญในกระบวนการเยียวยาผู้เสียหาย แม้จะยังมีหลายพื้นที่ที่ต้องรอความชัดเจนทางกฎหมายต่อไป
ที่มา : Coinpedia

