จากกราฟ Bitcoin ต่อ USD ที่แสดงการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปัจจุบัน เผยให้เห็นเรื่องราวที่น่าทึ่งและน่าคิดเกี่ยวกับคำถามใหญ่ที่หลายคนยังถกเถียงกันอยู่ “เมื่อ 1 ดอลลาร์ซื้อ Bitcoin ได้เพียงเศษเสี้ยว แล้วเงินตัวไหนกำลังเสียค่ากันแน่?” ณ วันนี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐสามารถซื้อ Bitcoin ได้เพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น แต่คำถามคือ เงินดอลลาร์ที่เราถืออยู่ยังคงมีค่าเหมือนเดิมหรือไม่?

กราฟราคาเทียบ 1 usd ต่อ btc
เงิน USD: เมื่ออำนาจซื้อค่อยๆ หายไป
หากมองย้อนกลับไป Federal Reserve ของสหรัฐฯ ได้เพิ่มปริมาณเงินดอลลาร์ในระบบมากกว่า 4,000% ตั้งแต่ปี 1971 เมื่อประธานาธิบดี Nixon ยกเลิกมาตรฐานทองคำ การขยายตัวของปริมาณเงินในระบบแบบไม่มีข้อจำกัดทางกายภาพนี้ ส่งผลให้อำนาจซื้อของเงินดอลลาร์ลดลงอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ซื้อได้ด้วยเงิน 1 ดอลลาร์ในปี 1971 วันนี้ต้องใช้เงินมากกว่า 7 ดอลลาร์
ตัวเลขที่น่าตกใจ: เงิน 100 ดอลลาร์ในปี 1971 มีอำนาจซื้อเท่ากับเงิน 700 ดอลลาร์ในปัจจุบัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง เงินดอลลาร์ได้สูญเสียอำนาจซื้อไปแล้วกว่า 85% ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา
Bitcoin: การเติบโตหรือการสะท้อนความเสียหาย?
กราฟแสดงให้เห็นว่าในช่วงปี 2012-2013 นักลงทุนสามารถใช้เงิน 1 ดอลลาร์ซื้อ Bitcoin ได้หลายเหรียญ แต่ภาพในปัจจุบันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ปัจจุบัน Bitcoin มีราคาประมาณ 109,000 ดอลลาร์ ทำให้ 1 ดอลลาร์ซื้อได้เพียง 0.000009 Bitcoin
แต่คำถามที่น่าสนใจคือ: Bitcoin “พุ่ง” หรือเงินดอลลาร์ “ตก”?
การเติบโตของ Bitcoin อาจเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงค่าของเงินเฟียตที่เกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป นักลงทุนหลายคนมองว่า Bitcoin เป็น “เครื่องวัดเงินเฟ้อ” ที่แท้จริง เมื่อเงินดอลลาร์สูญเสียอำนาจซื้อ สินทรัพย์ที่มีจำนวนจำกัดเช่น Bitcoin จึงมีราคาเพิ่มสูงขึ้น
ทำไม Bitcoin จึงแตกต่าง?
ในขณะที่ Bitcoin ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความผันผวนสูง แต่หลักการพื้นฐานของมันมีความชัดเจน:
- จำนวนจำกัด: มีเพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ไม่มีใครสามารถสร้างเพิ่มได้
- โปร่งใส: ทุกธุรกรรมถูกบันทึกแบบสาธารณะ ไม่สามารถปลอมแปลงได้
- ไม่มีตัวกลาง: ไม่มีธนาคารกลางที่สามารถเปลี่ยนกฎได้ตามใจชอบ
- ทำนายได้: ทราบล่วงหน้าว่าจะมีการปล่อยเหรียญใหม่เมื่อไหร่และจำนวนเท่าไหร่
การยอมรับที่เพิ่มขึ้น
สิ่งที่เปลี่ยนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคือการยอมรับจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่ กระทรวงการคลังสหรัฐได้เรียก Bitcoin ว่า “Digital Gold” อย่างเป็นทางการ และประธานาธิบดี Trump ได้ลงนามจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve
ตัวเลขที่น่าสนใจ:
- การยอมรับจากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 50% ในปี 2024
- นักวิเคราะห์ JPMorgan คาดว่า Bitcoin จะแข็งค่ากว่าทองคำในปี 2025
- ตั้งแต่ปี 2022-2024 ทองคำขึ้น 67% ขณะที่ Bitcoin ขึ้นเกือบ 400%
เงินตัวไหนกำลังเสียค่า?
การมองในมุมมองที่ต่างออกไป อาจช่วยให้เราเข้าใจภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น:
มุมมองแบบเดิม: Bitcoin ขึ้นราคาจาก $13 เป็น $109,000 ใน 12 ปี มุมมองใหม่: เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจาก 1 ดอลลาร์ = หลายเหรียญ Bitcoin เป็น 1 ดอลลาร์ = 0.000009 Bitcoin
แม้ว่าปัจจุบัน Bitcoin จะมีราคาสูงมากจนทำให้ 1 ดอลลาร์ซื้อได้เพียงเศษเสี้ยว แต่ระบบการซื้อขายยังคงรองรับการลงทุนในจำนวนเงินเล็กน้อย ทำให้นักลงทุนรายย่อยยังสามารถเข้าถึงได้ เหมือนกับการซื้อทองคำแบบเศษเสี้ยวออนซ์
อนาคตจะเป็นอย่างไร?
นักวิเคราะห์เชื่อว่าแนวโน้มนี้อาจยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะหากเกิดการยอมรับ Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองของสถาบันการเงินและรัฐบาลมากขึ้น บางคนคาดการณ์ว่า Bitcoin อาจถึง $125,000 ภายในสิ้นปี 2025
คำถามที่เหลือคือ: เราจะมองการเปลี่ยนแปลงนี้ในมุมมองไหน? Bitcoin ที่ “พุ่ง” หรือเงินดอลลาร์ที่ “ตก”?
การเข้าใจแนวโน้มเหล่านี้จะช่วยให้เราตัดสินใจการลงทุนและการจัดการเงินได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหน สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าโลกการเงินกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ที่มา : mises , longtermtrends

